วันนี้ (2 สิงหาคม 2564) เวลา 09.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล Video Conference พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจาก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ โดยมีกรมป่าไม้ เป็นฝ่ายเลขานุการ
โดยในที่ประชุม นายวราวุธ ศิลปอาชา ได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย ในการเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เร่งดำเนินการขออนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับประชาชนได้ครบทั้ง 3.9 ล้านไร่ ใน 76 จังหวัด ได้ทันภายในสิ้นปี 2564 นี้ เพื่อให้ราษฎรได้มีที่ดินทำกินหลังช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 และเป็นการเร่งแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป
สำหรับผลการประชุม ที่ประชุมได้มีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ได้มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนระหว่างปี พ.ศ. 2558-2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,353 พื้นที่ 70 จังหวัด เนื้อที่รวม 4.1 ล้านไร่ ประกอบด้วย 7 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ พื้นที่ราชพัสดุ และพื้นที่นิคมสร้างตนเอง โดยได้มีการอนุญาตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนไปแล้วจำนวน 2.3 ล้านไร่ จากพื้นที่เป้าหมาย 3.9 ล้านไร่ พร้อมทั้งรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จ.ระนอง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติให้ความเห็นชอบผลการดำเนินงานจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนของ คทช. จังหวัด เห็นชอบการขอแก้ไขชื่อและเนื้อที่ในพื้นที่ที่คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว จำนวน 2 พื้นที่ ได้แก่ บ้านปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง และบ้านทางสาย จ.ตรัง เห็นชอบการกำหนดพื้นที่เป้าหมายเพิ่มเติมสำหรับการดำเนินการจัดที่ดินในปี พ.ศ. 2564 จำนวน 7,171 ไร่ และเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่นิคมสหกรณ์ 13 นิคม 14 ป่า และนิคมสหกรณ์แม่ริม จ.เชียงใหม่ รวมถึงได้ให้ความเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราษฎรอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าไม้ถาวร ป่าห้วยสำราณ จ.สุรินทร์ และป่าหมายเลข 10 จ.ชัยภูมิ