ลำปาง- จนท.ป่าไม้ นำทีมเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายบุกยึดโรงงานไม้เถื่อนและไม้สักท่อน-แปรรูป กว่า 200 แผ่น ซุกริมลำห้วยแม่เติม
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.63 เวลา 15.30 น.โดยภายใต้การอำนวยการของนายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่3 (ลำปาง) ได้มอบหมายให้นายดนุศักดิ์ หมื่นโฮ้ง หน.เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ ชุดที่ 1 และนายปณิธาน วรมงคล หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ลำปาง 2 แม่อาบ ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมป่าไม้ลำปาง,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. (จว.สำปาง-เถิน),ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า(คปก.พป) ส่วนหน้าจังหวัดลำปาง,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เถิน, เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมป่าไม้ลำปาง,ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า(ศปก.พป)ส่วนหน้าจังหวัดลำปาง,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ตชด.33 ผู้ใหญ่บ้านแม่เติน หมู่ที่ 3 ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี
(ไม่ระบุนาม) ว่าบริเวณริมลำห้วยแม่เติน หลังหมู่บ้านแม่เติน หมู่ที่ 3 ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.สำปาง ได้มีการลักลอบตั้งโรงงานแปรรูปไม้ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ตรวจมาถึงบริเวณริมสำห้วยแม่เติน หลังหมู่บ้านแม่เติน ตามที่ได้รับแจ้งได้ตรวจพบแท่นเลื่อยสำหรับแปรรูปตั้งอยู่ 1 แท่น มีอุปกรณ์การแปรรูปไม้ติดตั้งครบชุด โดยแท่นเลื่อยทำด้วยโครงเหล็ก ติดตั้งใบเลื่อยวงเดือน มูเลย์พร้อมเพลาและลูกกลิ้งติดกับแท่นเลื่อย โยงสายพานส่งไปเข้ากับเครื่องยนต์ต้นกำลังตึงวางตั้งไว้ที่พื้นดิน บริเวณใต้แท่นเลื่อยมีขี้เลื่อยกองอยู่ และบริเวณด้านข้างแท่นเลื่อยมีกองไม้แปรรูป ไม้ท่อน เศษปีกไม้ วางกองอยู่จำนวนหนึ่งไม่พบบุคคลหรือยานพาหนะอยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าจะรู้ตัวและหลบหนีไปก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะไปถึง โดยบริเวณจุดที่ตั้งแท่นเลื่อยมีเส้นทางเข้าไปจะต้องผ่านบ้านเลขที่ 151 ซึ่งนายณรงค์ สลีวงค์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 เจ้าของพื้นที่และมาร่วมตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าเป็นบ้านของนายจันทร์มงคล สืบใจลา และที่ตั้งแท่นเลื่อยอยู่ห่างจากป้านของนางกฤษดา ทิพย์ถา (ผู้ใหญ่บ้านแจ้ง) ประมาณ 10 เมตร คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันตรวจสอบที่ไม้ท่อนและไม้แปรรูปที่วางกองข้างแท่นเลื่อยปรากฏว่าเป็นไม้สักท่อนและไม่สักแปรรูป ที่มีลักษณะใหม่ สด ไม่มีรูปรอยดวงตราใดๆของทางราชการหรือเอกชนตีประทับ และไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาก่อนแต่อย่างโด จึงร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2554 มาตรา 44 ฐาน มีไมสักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 25 ฐาน มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันทำการตรวจยึด นับจำนวน วัดขนาด คำนวณปริมาตร ได้ไม้สักแปรรูป จำนวน 270 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 42 สบ.ม.ไม้สักท่อน จำนวน 6 ท่อน ปริมาตร 1.00 สบ.ม.) พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดคือแท่นเลื่อยโครงเหล็กติดใบเลี่อยวงเดือน มูเลย์พร้อมเพลา และลูกกลิ้ง จานวน 3 ชุด สายพาน 1 เส้น เครื่องยนต์ต้นกำลัง ยี่ห้อฮอนด้าสีแดงไม่ทราบหมายเลขเครื่อง จำนวน 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำของกลางที่เกี่ยวข้องนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เถิน เพื่อสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อจากนั้นได้ร่วมกันออกตรวจสอบตามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีไม่ระบุนามว่าบริเวณริมลำห้วยแม่เติม หลังหมู่บ้านแม่เติน หมู่ที่ 3 ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง ว่ามีการลักลอบนำไม้ท่อนที่มิชอบด้วยกฎหมายมาซุกซ่อนไว้เพื่อรอนำออกจำหน่าย ขณะที่ตรวจมาถึงบริเวณลำห้วยแม่เติน หลังหมู่บ้านแม่เติน ตามที่ได้รับแจ้งได้ตรวจพบไม้ท่อนขนาดใหญ่วางกองอยู่จำนวน 2 ท่อน ใกล้กับต้นมะขามและอยู่ใกล้กับบ้านเลขที่ 151 หมู่ 3 ต.แม่ถอด อ.เถิน โดยห่างจากตัวบ้านประมาณ 30 เมตร โดยนายณรงค์ สลีวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เจ้าของพื้นที่และมาร่วมตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าบ้านเลขที่ 151 หลังดังกล่าวเป็นบ้านของนายจันทร์มงคล สืบใจถา ลักษณะตรวจสอบไม่พบผู้ใดอยู่ในบริเวณบ้าน คณะเจ้าหน้าที่จะร่วมกันตรวจสอบที่ไม้ท่อนที่วางกองไว้ ปรากฏว่าเป็นไม้สักท่อนที่มีลักษณะใหม่ สด ไม่มีรูปรอยดวงตราใดๆของทางราชการหรือเอกชนที่ประทับและไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาก่อนแต่อย่างใด จึงร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าไม้สักท่อนดังกล่าวเป็นไม้ที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระทำความผิดพรบ.ป่าไม้ พ.ศ 2484 มาตรา 69 “ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันทำการตรวจยึดนับจำนวนวัดขนาดคำนวณปริมาตรได้ไม้สักท่อนจำนวน 2 ท่อน ปริมาตร 5.51 ลบม.จึงได้ยึดของกลางที่ตรวจพบนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เถิน เพื่อสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
