ย่าโวยผ่านสื่อฯขอความเป็นธรรมหลังหลานสาววัย 10 ถูกชายวัยกว่า 70 ปีใช้นิ้วทำอนาจาร แล้วคดีเงียบ

0
(0)
image_print

วันนี้ ( 6 เมษายน 2564)  ที่อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน นางแจ๋ว  (นามสมมุติ)อายุ 62 ปี ชาวบ้าน  อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีที่หลานสาวตนเอง น้องแจ่ม  (นามสมมุติ) วัย 10 ขวบ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ถูกเพื่อนบ้านชายวัย กว่า 70 ปี กระทำอนาจาร โดยการใช้นิ้วล่วงละเมิดทางเพศ จนกระทั่งมีการการนำเด็กไปตรวจร่างกาย และนำไปสู่การแจ้งความ เหตุเกิดเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

นางแจ๋ว กล่าวต่อไปว่า วันนี้ที่ตนเองต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน เพราะว่าคดีที่เกิดขึ้นกับหลานสาวตัวเองนั้นเงียบผิดปกติ ผู้ก่อเหตุไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเหตุการณ์ที่หลานสาวถูกเพื่อบ้านกระทำอนาจารนั้นได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะบ้านผู้ก่อเหตุอยู่ตรงข้ามกัน ครั้งแรกนั้นไม่ได้แจ้งความ แต่ครั้งนี้เกิดเหตุเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ในวันเกิดเหตุ ประมาณช่วง 4 โมงเย็น ยานไปรับหลานกลับมาจากโรงเรียนเอามาไว้บ้านแล้วกลับไปรับหลานอีกคนอีกโรงเรียนหนึ่ง แต่เมื่อยายกลับมา หลานได้หายออกบ้านไม่รู้ไปไหน ยายจึงไปเรียกหาแต่ไม่พบไม่มีเสียงตอบรับ ตนจึงเอะใจกลัวว่าจะเกิดเหตุกับหลานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จึงเดินไปที่กระท่อมของเพื่อนบ้านที่อยู่ในสวนใกล้บ้าน ก็ไปเรียกหาที่กระท่อมปรากฏว่าหลานได้ออกจากกระท่อมมาในสภาพใส่กางเกงไม่เสร็จ เมื่อยายเห็นสภาพหลานจึงคาดคั้นเอาความจริง ถามว่าเข้าไปอยู่ในกระท่อมนั้นกับ ตาใจ (นามสมมุติ) ว่าได้ทำอะไรหนูหรือเปล่า เด็กก็ไม่ยอมบอกไม่ยอมพูด จนต้องใช้พูดคำแรงๆด่าจนหลานกลัว แล้วก็เผยออกมาว่า ตาใจ ได้เอานิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศจนเจ็บและแสบ หลังจากสอบถามจนได้ความแล้วจึงให้แม่เขาพาตัวเด็กไปตรวจที่โรงพยาบาล ต่อมาทราบผลการตรวจว่าเด็กถูกกระทำจริงๆ โดยหมอระบุว่าเยื้อพรรมจารีย์ขาดและมีร่องรอยของเล็บบริเวณอวัยวะเพศของเด็ก  ทำให้ตนเองโมโหมากจึงได้ไปแจ้งความ  ที่ สภ.บ้านโฮ่ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้วก็แนะนำให้ ผู้ก่อเหตุกับผู้เสียหายคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร แต่ต่อมาตำรวจได้กันตนเองออกจากการเจรจา โดยบอกว่าเป็นเรื่องของแม่เท่านั้น ตนจึงไม่รู้รายละเอียดว่าเขาตกลงกันอย่างไร จึงไม่ถุกดำเนินคดีทั้งๆที่เป็นคดีอาญายอมความไม่ได้ ต่อมาก็มีกระแสข่าวว่าแม่ของเด็กไปรับเงินจากผู้ก่อเหตุจำนวน 5 แสนบาท มีลูกของผู้ก่อเหตุนำเงินมาให้ โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุอ้างให้เหตุผลว่าผู้ก่อเหตุพูดกับลูกๆว่าถ้าไม่ช่วยจะผูกคอตายหนีความผิด ลูกๆที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับซื้อลำไย ที่พอจะมีฐานะบ้างจึงจำใจที่จะต้องช่วยพ่อ จึงมีการนัดจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว ทำให้ทางด้านคดีเรื่องเงียบไป ตนเองในฐานะที่เป็นย่า เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมสำหรับเด็ก จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อในครั้งนี้

อนึ่งสำหรับครอบครัวที่เกิดเหตุมีลูกสาว 2 คน วัย 10 ขวบ และ 5 ขวบ แม่มีอาชีพค้าขาย ส่วนผู้เป็นพ่อถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ ในคดีฆ่าผู้อื่น

ให้คะแนนบทความนี้

กรุณาเลือกจำนวนดาว

คะแนนค่าเฉลี่ย 0 / 5. จำนวนผู้ให้คะแนนโวต 0

ยังไม่มีผู้ให้คะแนนบทความนี้

Sending
User Review
0 (0 votes)

Leave a Reply

Translate »