มีผู้ชมบทความนี้แล้ว :: 48

เมื่อวันทึ่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 ณ หอประชุมและแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกและกลุ่มประเทศ GMS (หอประชุมกอเปา) ต.ทุ่งโฮ้ง อ.เมือง จ.แพร่ พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ปีที่ 2 จังหวัดแพร่ โดยมี นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน และนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวต้อนรับ
นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกล่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ภาวะหนี้ของประเทศไทย กระทรวงยุติธรรม ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงิน และไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม (Moral Hazard) ของผู้มีภาระหนี้สิน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท อีกทั้งต้องเกิดจากความสมัครใจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย สร้างการตระหนักรู้ และเข้าใจ เพื่อเลือกใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ในการยุติข้อพิพาททางแพ่ง และข้อพิพาททางอาญา ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ประกอบด้วย การไกล่เกลี่ยหนี้สินก่อนฟ้อง ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 และหลังศาลมีคำพิพากษา ตามระเบียบกรมบังคับคดี ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2558 เพื่อให้ประชาชนที่เป็นหนี้ ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล เช่าซื้อ ลิสซิ่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าเกณฑ์ฟ้อง หรือไม่มีกำลังผ่อนชำระตามสัญญา เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน เป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนต่อไป
ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมได้จัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ปีที่ 1 มาแล้วทั้ง 76 จังหวัด จำนวน 84 ครั้ง ช่วยเหลือลูกหนี้ได้ จำนวน 132,303 ราย จำนวนทุนทรัพย์ 23,901.84 ล้านบาท แยกเป็น ลูกหนี้ก่อนฟ้อง ช่วยเหลือได้ 66,172 ราย ทุนทรัพย์ จำนวน11,217.04 ล้านบาท ลูกหนี้หลังศาลมีคำพิพากษา ช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้ถูกยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ จำนวน 66,131 ราย ทุนทรัพย์ จำนวน 12,684 .8 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ กยศ. ครั้งที่ผ่านมา มีการคำนวนยอดหนี้ใหม่ 3.65 ล้านบัญชีเสร็จแล้ว ผู้กู้ 2.98 ล้านราย ได้รับประโยชน์ช่วยลดหนี้ผู้กู้เป็นเงินกว่า 56,326 ล้านบาท ปลดภาระผู้ค้ำได้ 2.8 ล้านราย
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ปีที่ 2 มีรูปแบบการดำเนินงาน ดังนี้
(1) การจัดงานรูปแบบ Events โดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เช่น รูปแบบการจัดงานวันนี้ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 45 ครั้ง โดยครั้งแรก กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 21–22 ธันวาคม 2567และครั้งที่ 2–17 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นเจ้าภาพจัดงาน ทั้งนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 35 โดยที่ผ่านมา มีลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยกว่า 61,000 ราย
ทุนทรัพย์กว่า 6,361 ล้านบาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน กว่า 3,037 ล้านบาท และปลดผู้ค้ำประกัน 39,338ราย
(2) การจัดการไกล่เกลี่ยหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านระบบออนไลน์ โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
(3) การจัดกิจกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ตามบริบทของพื้นที่ โดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัด สำนักงานบังคับคดีจังหวัด และภาคีในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการ ให้บริการปรึกษาทางกฎหมาย การบริหารจัดการหนี้ โดยทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย ประจำสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และผู้ไกล่เกลี่ยประจำศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รวมทั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนอีกด้วย
สำหรับการจัดงานในจังหวัดแพร่ ในครั้งนี้กำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2568 จำนวน 2 วัน ซึ่งกระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี สำนักงานยุติธรรมจังหวัดแพร่ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ ร่วมบูรณาการ กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ได้เชิญชวนลูกหนี้ เข้าร่วมงานทั้ง 2วัน 2,140 ราย ทุนทรัพย์รวมกว่า ๑๗๒ ล้านบาท โดยสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ ที่เข้าร่วมจัดการไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ มีดังนี้
1. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)
2 ธนาคารออมสิน
3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์
4. บริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด
5. บริษัทบริหารสินทรัพย์เจ จำกัด
6. บริษัทเจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิชเซ็ส จำกัด (มหาชน)
7. กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน
8. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรโดยงานประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่
8.1 การให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ทั้งก่อนฟ้องและหลังศาลมีคำพิพากษา
8. 2การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ และให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และการสร้างวินัยทางการเงิน จากธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานในพื้นที่
โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์ ในกรณีก่อนฟ้อง คือ การผ่อนผันการชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือนงดฟ้องดำเนินคดี และรับเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน สำหรับในส่วนของชั้นบังคับคดี หรือหลังคำพิพากษา ประโยชน์ที่จะได้รับคือการขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดจำนวนเงินผ่อนชำระหนี้ งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย