


หมอทศ นพ. ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ เขต 1พรรคเพื่อไทย แธ.กมธ.สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า รู้ไหมครับ คนไทยตายจากมะเร็ง ชั่วโมงละ 8 คน
มะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทย
ในปี 2565 คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งกว่า 119,000 ราย และพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ สูงกว่า 180,000 ราย ต่อปี
มะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชายคือมะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงคือมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่
ประเทศไทยติดอันดับที่ 4 ของโลกที่มีอัตราการตายจากมะเร็งตับสูงที่สุด ร้อยละ 60 ของเป็นมะเร็งของเซลล์ตับและร้อยละ 40 เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเกิดขึ้นมากในทางภาคอีสาน โดยเกิดจากการกินของดิบ ที่มี พยาธิใบไม้ในตับ
วันนี้ก็เลยขอพูดเรื่อง มะเร็งตับนะครับ
ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดมะเร็งเซลล์ตับคือ
- ตับแข็ง
- ไวรัสตับอักเสบ B และ C
- การดื่มแอลกอฮอล์
- โรคอ้วนจากไขมันพอกตับ
- สารอะฟลาทอกซิน ที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่ปนเปื้อนในอาหารแห้ง
- การมีประวัติญาติสายตรงในครอบครัวที่เป็นมะเร็งตับ
การรักษามะเร็งตับ
- การผ่าตัด ในกรณีที่ยังเป็นก้อนเล็กอยู่
- การควบคุมให้อยู่เฉพาะที่ เช่น การใช้ยาเคมี หรือการใช้สารอุดกั้นหลอดเลือดฉีดเข้าไป
3 การจี้ความร้อนด้วยการฉายรังสี
ปัจจุบันมียาพัฒนาจากสมัยก่อนที่ส่งผลข้างเคียงเยอะมาก จึงมีการคิดค้น
- ยามุ่งเป้าทำลายที่เซลล์มะเร็งอย่างเดียว
- ยาภูมิคุ้มกันบำบัด
- ยาคุ้มกันบำบัดร่วมกับสารที่ต้านการสร้างหลอดเลือด
แต่ยามีราคาแพงมากครับ และส่วนใหญ่เบิกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นราชการ ประกันสังคม หรือ 30 บาท เมื่อจะเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติก็เป็นเรื่องที่ยากและช้ามาก
กมธ.จึงเสนอทางแก้ไขคือ
- การลดราคายา โดยการเจรจากับบริษัท กรรมาธิการได้เจรจากับบริษัทแม่ในต่างประเทศ ลูกของต่างประเทศ ซึ่งการลดราคาค่ายาเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากมีการใช้ต้นทุนที่มหาศาล
- Managed Entry Agreement (MEA) คือ รัฐบาลกับบริษัทยา รับความเสี่ยงด้วยกัน เช่น มีเงิน 1 ปีสำหรับรักษาโรคนี้จำนวน 200 ล้านบาท ถ้าใช้เงินหมด แต่คนไข้มากกว่า บริษัทยาก็อาจจะต้องให้ฟรี แล้วรับความเสี่ยงระหว่างรัฐกับบริษัทยาด้วยกัน
- การตั้งกองทุนรักษา
- การให้ความรู้กับประชาชน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนเปลี่ยนวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของทางภาคอีสาน
สำหรับการป้องกันสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบ การตรวจเลือด การใช้อัลตราซาวด์////