เมื่อวันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 0900 พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ หน่วยบินจากเครื่อง U-17, KA-32, UAV (ทอ.), AS-350 B2 (ฝนหลวง/ทส.), ตลอดจนโดรนจิตอาสา, พารามอเตอร์เข้าร่วมจัดทำแผนร่วมกันในการเตรียมความพร้อมปฏิบัติงาน ภายหลังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่เริ่มมีผลกระทบกับประชาชน ที่ บก.คฟป.ทภ.3 สน. สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 อ.เเม่ริม จว.เชียงใหม่
รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า จาการตรวจสอบคุณภาพอากาศทางภาคเหนือช่วงนี้พบว่า ปริมาณฝุ่นควันเริ่มมีผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะ 3 จังหวัด ได้แก่ ต.จองคำ อ.เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน, ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงรายและ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากพบยังคงมีการเผาในที่โล่งเกือบทุกจังหวัด และบางจังหวัดมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงถึงแม้ว่าจังหวัดจะมีประกาศปิดป่าในห้วง 61 วันห้ามเผา ซึ่งสิ่งที่ต้องดำเนินการทันทีคือการระดมกำลังลงพื้นที่ที่เกิดการเผาซ้ำซาก ทำให้เกิดจุดความร้อนสูง ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กฎหมายเข้าควบคุม เพื่อลดปริมาณการเผาพร้อมเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40 %
นอกจากนี้กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จัดกำลังชุดลาดตระเวนเพิ่มเติมจากกำลังทหาร และทหารพราน 7 ชุดปฏิบัติการ จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และกรมทหารพรานที่ 32,33, 35 ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง แม่ฮ่องสอน โดยพร้อมออกปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือวันนี้ พบ PM 2.5 เฉลี่ยนอยู่ระหว่าง 23 – 239 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 72 – 254 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่าAQI ระหว่าง 47 – 349 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ ประกอบกับวันนี้เกิดจุดความร้อนจำนวน 798 จุด โดยเฉพาะใน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 495จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 275 จุด