ที่กระทรวงศึกษาธิการ
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 11.20 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1
ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายอย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกัน
ออกมาตรการป้องกัน เช่น การรณรงค์เรื่องของโทษของบุหรี่ไฟฟ้า การสร้างการตระหนักรู้ถึงกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงจัดให้มีมาตรการตรวจตราที่เข้มงวดโดยเฉพาะสถานศึกษา และในการจำหน่ายและใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน
เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ แจ้งกำหนดการเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการดำเนินงาน Gen 4 ภาค “ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า”ระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมเอเชีย กรุงเทพมหานคร จัดโดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมและสนับสนุนโดย สสส.
ประธาน กรรมาธิการการสาธารณสุข ให้ข้อเสนอแนะในการทำงานเชิงรุกในโรงเรียน เช่น จัดนิทรรศการ สัมมนา โดยอาจเริ่มต้นที่โรงเรียนสวนกุหลาบ และโรงเรียนโดยรอบ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น รวมเรื่องสุขภาพด้านอื่นด้วย เช่น สุขภาพจิต ยาเสพติด เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้คำแนะนำว่า เบื้องต้นควรทำความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจ
แห่งชาติ เพื่อจัดการผู้ขาย บังคับใช้บทลงโทษทางกฎหมาย ปราบปรามอย่างจริงจัง ลงข่าวให้เห็นเป็นตัวอย่าง
สำหรับกิจกรรมในโรงเรียนเป็นหน้าที่ของผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินการได้ตามความพร้อม โดยมีข้อควรระวัง คือกิจกรรมแฝงที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง
ควรมีกฎหมายโดยตรง เรื่อง บุหรี่ไฟฟ้า
ให้ผู้ปฏิบัติทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยหากต้องการความช่วยเหลือด้านการออกกฎหมายเชิญเข้าไปหารือกับพรรคภูมิใจไทย ซี่งประธาน กมธ.สธ. จะประสานกับท่านสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง
ที่ประชุมจึงมีข้อเสนอร่วมกัน ดังนี้
- เร่งให้ความรู้ เรื่อง บุหรี่ไฟฟ้า กับครู ผู้ปกครอง และนักเรียน แบบเป็นทางการและไม่เป็น
ทางการ (หาวิธีให้ความรู้ในรูปแบบใหม่) - จัดกิจกรรมหรือตั้งชมรมในโรงเรียน โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วม เช่น ประกวดคลิปรณรงค์เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า สติกเกอร์ไลน์ เป็นต้น
- ฝึกอบรมครู และนักเรียนแกนนำทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณจาก สสส. เพื่อสร้าง Node แล้ว
กระจายความรู้ออกไป - มีนักศึกษาแพทย์ที่พร้อมจะทำงาน