เพื่อช่วยรัฐบาลในการถูก อภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมขู่ ข้าราชการประจำ ใคร ปกปิดข้อเท็จจริง ไม่ให้ความร่วมมือ จะฟันไม่เลี้ยง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ หอประชุมศาลาประชาคม อ.จะนะ จ.สงขลา นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จากโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีนายวรณัฎฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ โยธาธิการ ที่ดิน, เจ้าท่า, อบจ. และอื่นๆ ให้การต้อนรับ และร่วมประชุม
โดยนายประสานฯกล่าวกับที่ประชุมว่า การเดินทางมารับฟังข้อเท็จจริงครั้งนี้ เนื่องจากโครงการ เมืองต้นแบบที่ 4 หรือ เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ถูกนำไปเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่มีต่อรัฐบาลในวันที่ 16 ก.พ.นี้ และ ครม.จะมีการประชุมเพื่อสรุปประเด็นปัญหาที่ถูกอภิปรายในวันจันทร์ที่ 15 นี้ ดังนั้นจึงต้องขอโทษที่คณะอนุกรรมการชุดนี้ ต้องเดินทางมาประชุมในวันหยุด เพื่อต้องการข้อมูลทางเอกสารและรับฟังข้อเท็จจริง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ที่ประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนถึงความเดือดร้อน ก่อนเดินทางมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับว่า ให้คณะอนุกรรมการฯ ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงตรงใครผิด ใครถูก ก็ว่ากันไป ดังนั้นขอให้ ข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เปิดเผย ให้ความจริง และส่งเอกสาร ให้กับคณะอนุฯชุดนี้โดยอย่าได้ปิดบัง เพราะก่อนที่จะลงมาตนและคณะฯได้แสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึกได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นแล้ว ดังนั้นข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้ข้อเท็จจริง จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ ตนขอเตือนไว้ก่อนว่า ตนทำงานตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่หน้าใคร ต่อให้คนเป็นนายสั่ง ถ้าไม่ถูกต้อง ตนจะไม่ทำ ถ้าจะถูกไล่ออกก็ยอม และขอเตือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้จบที่ ครม. ตนจะดำเนินการไปถึง ปปช. สำหรับคนที่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนายประสานฯ ได้กล่าวย้ำในเรื่อง จะเอาผิดกับ หน่วยงานในพื้นที่ถึง 3-4 ครั้ง ต่อหน่วยงานที่เข้าไปรับฟังและชี้แจงในสิ่งที่ คณะอนุฯต้องการรับทราบ
โดยคณะอนุฯกรรมการ ได้ให้ความสนใจสอบถามถึงประเด็นของการเปลี่ยนผังเมืองเพื่ออุตสาหกรรมจาก โยธาธิการจังหวัดว่าทำตามกฎหมายถูกต้องหรือไม่ ซึ่งโยธาธิการจังหวัดได้ชี้แจ้งรายละเอียดว่า ปฏิบัติตาม พรบ.ผังเมือง มาตราที่ 35 ที่มีการแก้ไขใหม่ ลดขั้นตอนจาก 18 ข้อเหลือเพียง 8 ข้อ ขณะนี้ทำถึงข้อที่ 3 คือส่งเรื่องให้คณะกรรมการผังเมือง ของประชาชนและการแก้ไขผังเมืองตามความร้องขอของ ศอ.บต. เป็นการร้องขอตาม มาตราที่ 35 ซึ่งเป็นตามกฎหมายทั้งสิ้นโดยนายประสานฯ ได้ถามว่ามีเอกสารตามคำร้องขอของ ศอ.บต. หรือไม่ และให้ส่งให้คณะอนุกรรมมาธิการด้วย
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ดิน อ.จะนะ ได้ตอบข้อซักถามของคณะอนุฯ ในประเด็นที่ชาวบ้าน ร้องเรียนเรื่องการออกโฉนดที่ดิน 70 ไร่ให้กับบริษัท ทีพีไอโพลีน โดยชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวเป็น นส.3 ก. ที่ออกถูกต้องตามขั้นตอนให้กับเจ้าของที่ดินเดิม และก่อนปี 2561 เจ้าของที่ดินเดิมได้ขายให้กับ บริษัททีพีไอ ต่อมาเมื่อปี 2563 กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎหมายให้ประชาชนนำ นส.3 ก.มาออกเป็นโฉนดได้ โดยมีการประกาศว่ามีจังหวัดใดบ้าง และมีหน่วยงานใหนในการรับเรื่องตรวจสอบหลักฐาน รางวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินที่มีเอกสารถูกต้อง และบริษัท ทีพีไอ เป็นผู้ที่ได้ขอให้มีการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดในที่ดิน 3 แปลง เนื้อที่ 70 กว่าไร่ เพื่ออกเป็นโฉนด ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดไม่เกี่ยวกับสำนักงานที่ดิน อ.จะนะ แต่ตามกฎหมาย เมื่อหน่วยงานที่มีหน้าที่เดินสำรวจ ได้ส่งเอกสารมาเพื่อให้มีการออกโฉนดให้กับผู้มีสิทธิ์ โดยมีหลักฐานในการสอบเขต การสอบสวนและลงความเห็นว่า บริษัท ทีพีไอ มีหลักฐาน ที่ชัดเจน มากกว่าผู้ที่ร้องเรียนในสิทธิที่ดินทั้ง 3 แปลง สำนักงานที่ดินอำเภอจะนะ จึงต้องออกโฉนดให้กับ บริษัททีพีไอ โดยได้แนะนำชาวบ้านผู้อ้างสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวให้ไปยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรม ซึ่งมีการฟ้องต่อศาล จ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 3 ก.พ.และ ฟ้องศาลปกครองเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา สำนักงานที่ดินอำเภอปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย พรบ.ที่ดิน และได้ส่งเอกสารให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว
มีการสอบถามเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 จ.สงขลา ถึงโครงการท่าเรือน้ำลึก ที่ ต.นาทับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกที่ดำเนินการโดย กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้มีการยกเลิกโครงการไปแล้ว และคณะอนุกรรมการ ได้มีการสอบถามถึงแผนยุทธศาสตร์ของ จ.สงขลา ว่าทำไมจึงไม่มีการบรรจุแผนพัฒนา”เมืองต้นแบบที่ 4” เข้าไปในแผน ทำให้ไม่สอดคล้อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาในภาครวม เพราะมีการชี้แจงจาก โยธาธิการจังหวัดว่า โครงการเมืองต้นแบบที่ 4 แห่งนี้ รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามอนุมัติในวันที่ 7 พ.ค. 61 แต่ จ.สงขลา ไม่ได้ทำยุทธศาสตร์เพื่อสอดคล้องกับแผนพัฒนาของประเทศ
หลังจากนั้นนายประสานฯ ได้กล่าวย้ำอีกว่า ขอให้ข้าราชการ ทำในคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะผลสุดท้ายจะเป็นผลร้ายต่อตนเอง และตนเองก็ไม่เคยเห็นโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4 มาก่อน เมื่อมาถึงมือตนเองพบว่า มีความไม่ต้องถูกหลายอย่าง ตนจำเป็นที่จะต้องรื้อทั้งหมด เพื่อทำให้ถูกต้อง ใครผิด ก็ว่ากันไปตามผิด นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร มีความต้องการอย่างยิ่งที่จะเห็นการพัฒนาภาคใต้ ที่จะต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ตรงนี้หรือที่ไหน แต่ต้องไม่มีปัญหาในการสร้างความขัดแย้ง และไม่เป็นไปตามระเบียบของกฎหมายของสภาพัฒนา วันนี้จึงต้องเดินทางมาอย่างเร่งด่วน เพื่อหาข้อเท็จจริง เพื่อการไปตอบคำถามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่มีต่อรัฐบาลและตนมีข้อมูลว่า ที่สงขลามีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมอยู่ก่อนแล้วถึง 300,000 ไร่ ที่ อ.สะเดา แต่ดำเนินการได้เพียง 10,000 ไร่ เท่านั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม่ได้ทำในส่วนนั้น แล้วมาทำโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4” อีก การพูดถึง นิคมอุตสาหกรรม 300,000 ไร่ ที่ อ.สะเดา ของนายประสานฯ ได้สร้างความมึนงงในที่ประชุม เนื่องจากใน จ.สงขลา ไม่มีโครงการดังกล่าว ส่วนที่ อ.สะเดา จ.สงขลา มีเพียงโครงการพื้นที่ 2,000 กว่าไร่ ที่ กนอ. เตรียมที่จะดำเนินการเป็นพื้นที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ในขณะที่นายวรณัฏฐ์ หนูรอด รอง ผวจ.สงขลา และ รอง ผอ.กอ.รมน.สงขลา ได้ชี้แจงว่า จังหวัดสงขลาไม่มีส่วนร่วมในขบวนการของเมืองต้นแบบที่ 4 มาแต่เริ่มต้น ทั้งหมดดำเนินการโดย ศอ.บต. แม้แต่นายอำเภอจะนะ ก็ไม่มีส่วนร่วมกับแผนงานและโครงการ เป็นการกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ผิดพลาด จึงขอชี้แจงให้คณะอนุกรรมการได้รับทราบ
หลังจากที่ได้ปิดประชุมแล้ว นายประสานฯ ได้เดินนำคณะอนุกรรมาธิการฯ ไปยังโรงพยาบาลจะนะ โดยมีนายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมกับ เอ็นจีโอ และ ประชาชนที่เห็นต่าง ทำการคัดค้านโครางการเมืองต้นแบบแห่งนี้ ให้การต้อนรับ
ก่อนหน้าที่คณะอนุกรรมการฯ จะเข้าประชุมรับฟังข้อเท็จจริง ได้มีประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล ( ตลิ่งชัน ,นาทับ และสะกอม )ที่สนับสนุนให้มีโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 มาต้อนรับ คณะของอนุกรรมมาธิการมีการมอบช่อดอกไม้เพื่อให้กำลังใจในการเดินทางมารับฟังข้อเท็จจริงในครั้ง
ภาพ/ข่าว.นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา