โดยในวันที่ 28 ธันวาคม นี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมคณะจะเดินทางลงพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4” ใน ต.นาทับ ตลิ่งชัน และ สะกอม เพื่อรับฟังปัญหาของกลุ่มผู้ตัดค้าน
จะมีการพบกันและร่วมรับประทานอาหารที่”หาดไข่เต่า” ซึ่งน่าจะเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อสร้าง”วาทกรรม” ให้ คนภายนอกหลงเชื่อว่า เป็นที่วางไข่ของเต่าทั้งที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง
แค่ก้าวย่างแรกของรัฐมนตรีก็น่าจะถูก”แหกตา” ในเรื่องของชื่อ สถานที่แล้ว ดังนั้นในส่วนของเรื่องอื่นๆ ก็ต้องติดตามกันยาวๆว่า นักการเมืองจะถูก เอ็นจีโอ “แหกตา” อีกกี่เรื่อง
โดยเฉพาะนักการเมืองที่คิดแต่หาคะแนนเสีย โดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง และชอบที่อาสา มาทำในสิ่งที่ไม่รู้ก็อาจจะพาบ้านเมือง”เข้ารกเข้าพง” และทำให้ ขบวนการของการเดินไปข้างหน้า ต้องล่าช้าลง มีประเด็นที่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ คาใจ และต้องการฟังคำตอบจาก นักการเมือง ที่ถูกตั้งขึ้นมาให้ มาดูปัญหาของโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4” ตามที่ เอ็นจีโอ เรียกร้องให้มีการเริ่มต้นขบวนการใหม่ทั้งหมดว่า กำหนดการในวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่ คณะเดินทางมารับทราบปัญหาความเดือดร้อนของ กลุ่มผู้”เห็นต่าง” และคัดค้านโครงการนี้ว่า
ทำไม่จึงไม่มีการพบกับประชาชนกลุ่มผู้สนับสนุนโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4” ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของในพื้นที่ 3 ตำบลของ อ.จะนะ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดัน” เมืองต้นแบบที่ 4” ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะเห็นว่า “เมืองต้นแบบที่ 4” จะแก้ปัญหา เศรษฐกิจ ปัญหาคนตกงาน คนว่างงาน และ ผู้จบการศึกษาได้มีงานทำ
ทำไม รัฐมนตรีหัวหน้าคณะถึงต้องการรู้แต่เรื่องปัญหา เรื่องความเดือดร้อนของ กลุ่มผู้ที่”เห็นต่าง” แต่ไม่ต้องการรู้ปัญหาความเดือดร้อนของ คนส่วนใหญ่ ที่ต้องการให้มี”เมืองต้นแบบที่ 4” เกิดขึ้นในพื้นที่ ขบวนการรับรู้ปัญหา รับรู้ข้อเท็จจริงอย่างนี้ จะเชื่อได้หรือไม่ และจะเป็นการแก้ปัญหา หรือการซ้ำเติมปัญหาเป็นการสร้างความปรองดอง หรือเป็นการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น ที่บอกว่ามารับฟังความเดือดร้อนของกลุ่มผู้”เห็นต่าง” ถามว่า เดือดร้อนตรงไหน เพราะในพื้นที่ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ยังต้องทำความเข้าใจยังต้องทำเรื่องผังเมือง ต้องทำเรื่องสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ อีกมากมาย
เรื่องที่กลุ่มผู้”เห็นต่าง” อ้างว่า เดือนร้อน เป็นเพียง”วาทกรรม” ที่ เอ็นจีโอ สร้างขึ้นมาเหมือนกับการเขียน”ปีศาจ” ให้คนในพื้นที่หวาดกลัวทั้งที่ปีศาจยังไม่มีจริง
เหมือนกับ “วาทกรรม” ที่ เอ็นจีโอกลุ่มนี้เคยสร้างขึ้นในการต่อต้านโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เมื่อ 20 ปีก่อนว่า” การเกิดขึ้นของโรงแยกก๊าซ จะทำให้ “นกเขาไม่ขัน” จะทำให้ปลาในทะเลลดน้อยลงจะทำให้ ทะเล”หายนะ”จะทำให้ เกิดอันตราย ต่างๆกับ”สุขภาวะ” ของคนในพื้นที่แล้วเป็นไงสุดท้ายก็คือ”วาทกรรม” หลอกๆ ที่ไม่มีความจริงเจือปน เพราะโรงงานแยกก๊าซสร้างเสร็จอยู่ในชุมชนมากว่า 20 ปี เหตุการณ์ตามที่ เอ็นจีโอ สร้าง “วาทกรรม”ไว้ยังไม่เกิดขึ้นจริง แม้แต่เหตุการณ์เดียว ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับวันนี้ที่ เอ็นจีโอ เริ่มต้นด้วย”วาทกรรม” ที่สร้างความหวาดหลัวให้กับผู้มีอาชีพประมงพื้นที่ เพื่อให้รวมตัวต่อต้านโครงการ”เมืองต้นแบบที่ 4” ด้วยชี้ให้เป็นว่า ถ้ามีโครงการนี้ทะเลจะนะ จะ”หายนะ” มีการหยิบเอาภาพของ “นิคมมาบตาพุด” เป็นตัวอย่างเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น และนำเอา นักวิชาการที่ให้ภาพของ”เหรียญด้านเดียว”มานำเสนอกับกลุ่มผู้ต่อต้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียว และเป็นกลุ่มที่ไม่โตที่เคยสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านโรงงานแยกก๊าซเมื่อ 20 ปีก่อน และมีจำนวนเท่าเดิม
แน่นอน หลังจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส จะต้องตอบคำถามของคนส่วนใหญ่ ของ ต.นาทับ สะกอม และ ต.ตลิ่งชัน ถึงการลงมารับฟังปัญหาของกลุ่มผู้คัดค้านว่า แล้วจะมีการมารับฟังปัญหาของผู้สนับสนุนหรือไม่และหากมีแต่การมาเพื่อฟังความข้างเดียว ร.อ.ธรรมนัส จะตอบประเด็นข้อสงสัยของสังคมอย่างไร หรือ วันนี้ คนที่จะกำหนดชะตากรรมของคนส่วนใหญ่ในอำเภอจะนะ รวมถึงคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน้าที่ของ เอ็นจีโอ และกลุ่มคนหนึ่งหยิบมือ ที่ต่อต้านทุกโครงการที่จะเกิดขึ้นใน จ.สงขลา ถ้าเป็นจริง หน่วยงานของรัฐ และ นักลงทุน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา กับการที่จะ มาลงทุนในจังหวัดสงขลาอีกต่อไป