พบคลัสเตอร์ใหม่ ในโกดังกระเทียม โกดังของเก่า แม่สาย 36 ราย สั่งกักตัวคนใกล้ชิด ด้านทหารเปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ตลอดแนวชายแดน พร้อมเสนอรางวัลแจ้งเบาะแสขบวนการนำพาข้ามแดน 5,000 บาท
เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าการจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย วางแผนร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สาธารณสุขอำเภอแม่สาย โรงพยาบาลแม่สาย รพ.สต.ทุกแห่งในพื้นที่ สภ.แม่สาย กองกำลังผาเมือง และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สาย เพื่อบริหารจัดการกลุ่มผู้ติดเชื้อโรค Covid-19 รายใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่อำเภอแม่สาย หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 37 ราย มารักษาที่โรงพยาบาลแม่สาย
โดยการแพร่ระบาดครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สนธิกำลังได้เข้าตรวเชิงรุกในพื้นที่โรงงานกระเทียม และโกดังสินค้าในพื้นที่ บ้านเหมืองแดง ม.1 และ ม.2 ต.แม่สาย อ.แมสาย จ.เชียงราย โดยพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา และมีผู้ใกล้ชิดที่มีความเสียงรวมกันอีกประมาณ 60 คน โดยจากการประชุมเบื้องต้นทาง โรงพยาบาลแม่สายจะนำผู้ติดเชื้อทั้งหมด 38 คน มารักษาในโรงพยาบาลแม่สาย ให้กักตัวผู้ที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมดในโรงงาน และที่พักของตนเอง ให้ทางสาธารณสุขได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และอื่นๆ เพื่อลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.64) ให้ทางหอการค้าเพื่อดำเนินการสนับสนุนเรื่องอาหารแก่กลุ่มผู้ที่ถูกกักตัวเฝ้าระวัง พร้อมทั้ง ให้ศูนย์ปฏิบัติการ อ.แม่สาย ออกคำสั่งปิดพื้นที่ดังกล่าว และให้จัดเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล พร้อมประสานให้โรงพยาบาลข้างเคียง ทั้งโรงพยาบาลแม่จันและโรงพยาบาลเชียงแสน ได้รับให้บริการคนไข้ปกติทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรค Covid-19 ของโรงพยาบาลแม่สาย
ด้าน พันเอก สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ได้เปิดยุทธการการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ตามแนวชายแดน ในห้วงตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. ถึง วันที่ 20 มิ.ย.64 ตั้งแต่ ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย ถึง สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ตามแนวชายแดน และทำการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด ก่อนทำการผลักดันให้กับทางการเมียนมา ดำเนินการต่อไป
การเปิดยุทธการในครั้งนี้ ได้กำหนดเป้าหมายในการปิดล้อม ตรวจค้น ทั้งสถานประกอบการ ผู้นำพาเครือข่าย และผู้ขับรถรับจ้าง เพื่อทำการกดดัน และจำกัดเสรีในการปฏิบัติ เพื่อควบคุมและจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน โดยไม่พบการจับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่ตอนใน โดยผ่านช่องทาง ผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ นอกจากการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ตามแนวชายแดนยังได้ จัดเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มเติม ตลอดจนเพิ่มความถี่ในการเดินลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอด24ชั่วโมง และยังได้เพิ่มอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงใช้ยุทโธปกรณ์พิเศษในการเฝ้าระวัง สำหรับเส้นทางรองได้ดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยในหมู่บ้าน ได้ให้ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน และชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน ร่วมกับผู้นำชุมชนทำความเข้าใจกับประชาชน และกลุ่มผู้นำพา เพื่อสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนที่ผิดกฎหมาย โดยได้มีการจัดกำลังป้องกันชายแดน จำนวน 82 ชุดปฏิบัติการ และเพิ่มเติมกำลังในการเปิดยุทธการ จากกองกำลังป้องกันชายแดน จำนวน 6 ชุดปฏิบัติการ และชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน อีก 3 ชุดปฏิบัติการ รวม 91 ชุดปฏิบัติการ
ซึ่งการเปิดยุทธการครั้งนี้ ได้มีการบูรณาการเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานร่วมกันเพื่อกวาดล้างและสกัดสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ นอกเหนือจากความมั่นคง โดยเพิ่มความเข้มงวด ในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 การสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ สำหรับ ประชาชนที่สามารถแจ้งเบาะแส กลุ่มขบวนการหรือผู้นำพา ให้กับทางเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การจับกุมได้ ทาง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 มีเงินรางวัลให้กับผู้แจ้งเบาะแส 5,000 บาท โดยทุกหน่วยงานได้ร่วมบูรณาการ ในการปฏิบัติภารกิจ ครั้งนี้ อย่างเต็มที่ ซึ่งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย จะปฏิบัติงานภายใต้การใช้หลักมนุษยธรรมที่เหมาะสม และบังคับใช้กฎหมายที่กองกำลังป้องกันชายแดน มีอำนาจบังคับใช้อย่างแข็งกร้าว และจะยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดต่อไป
ภาพ/ข่าว.ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย
088292681
