เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรมเปิดตัวผู้เสนอตัวสมัครเป็น สส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 185 คน โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรค นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายสุทิน คลังแสง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นางมนพร เจริญศรี และยังมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร เข้าร่วมด้วยก่อนเริ่มต้นได้มีการเปิดวีดิทัศน์ เป็นคำมั่นของ 4 อดีตนายกฯ ตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธารจากนั้น น.ส.แพทองธารกล่าวปาฐกถา “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” ว่า นับว่าเป็นครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่หัวใจของพรรคเพื่อไทยได้มารวมตัวกัน ได้มีโอกาสที่สื่อสารกันแบบใจถึงใจ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้าน นายทักษิณผู้ก่อตั้งพรรคอยู่ในเรือนจำโดยคดีที่ตั้งต้นด้วยอำนาจรัฐประหาร การเลือกตั้งซ่อมมีทั้งชัยชนะที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย ความพ่ายแพ้ที่ จ.ศรีสะเกษ มีคำพูดที่บอกกันว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงทางตัน พรรคเพื่อไทยตายแน่นอน พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์แน่นอน ตนไม่เคยเชื่ออย่างนั้นเลย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์ พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราเป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุด และต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองสาหัสที่สุด พรรคนี้โดนรัฐประหารมาแล้วสองครั้ง ถูกยุบพรรคไปแล้วสองพรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิเกือบ 200 คน นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งถึงหกคน โดยที่ผู้ที่ก่อรัฐประหารไม่ต้องคดี แต่ผู้ก่อตั้งพรรคนี้ถูกจองจำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยคือนโยบายที่ทำได้จริงช่วยพี่น้องประชาชน เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการทำเพื่อพี่น้องประชาชน การเอานโยบายดีๆ ให้ถึงมือพี่น้องประชาชน จะทำให้ชีวิตของพวกเขากินดีอยู่ดี และปลดปล่อยศักยภาพของประชาชนให้ออกมาอย่างเต็มรูปแบบ เราเชื่อว่าการผลักดันนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาล ประชาชนทุกๆ คนในราชการและเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อให้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนั้น เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนดิฉันพร้อมสู้ และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสู้ค่ะ ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ต้องการการเมืองที่เป็นความหวังของพี่น้องประชาชน ต้องการความร่วมมือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ของคนทุกรุ่นทุกวัยเพื่อให้การเมืองนั้นมีความเป็นส่วนรวมมากยิ่งขึ้น มีการประสานงาน มีการผลักดันนโยบายต่างๆ การจะทำให้ความหวังเป็นจริงได้พรรคเพื่อไทยต้องสรุปบทเรียนที่ผ่านมา เพื่อสรุปบทเรียนที่จะปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สรุปบทเรียนที่ผ่านมามีทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อผิดข้อพลาด ข้อทำถูกต้องอะไรบ้างที่จะทำให้เราสามารถปรับตัว เพื่อรับมือกับสถานการณ์ เพื่อรับมือกับคนรุ่นใหม่ๆ และเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ของบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังเพื่อสร้างพรรคการเมืองที่สามารถทำให้ประเทศไทยในฝันของหลายๆ คนเกิดขึ้นจริงได้ ในวันนี้พรรคเพื่อไทยจึงต้องทำการยกเครื่องครั้งใหญ่พรรคเพื่อไทยกำลังยกเครื่องในเรื่องของโครงสร้างทั้งหมด เพื่อให้ศักยภาพของแต่ละคนได้ถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ดิฉันขอประกาศให้ชัดเจนในวันนี้ ว่าอำนาจในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับพรรค ทิศทางการเมืองของพรรคจะอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารของพรรค เมื่อท่านอื่นๆ มีความคิดเห็น มีสิ่งที่อยากนำเสนอหรือคิดต่างออกไป สามารถที่จะแนะนำและบอกดิฉันได้โดยตรง ต่อจากนี้จะไม่มีเส้นทางลัดและเส้นทางเลี้ยวอ้อมไปทางไหน มีแต่เส้นทางตรงและชัดเจนในการตัดสินใจ ในการเปลี่ยนแปลงและทำให้เป็นเอกภาพแน่นอนว่าดิฉันยังคิดเสมอว่าการที่พรรคเพื่อไทยของเราที่มี สส.อยู่ทั่วประเทศ ดิฉันเชื่อมั่นใน สส.ของพวกเราทุกคนไม่ว่าจะผ่านเพียงสมัยเดียวหรือหลายสมัยแล้วก็ตาม ทุกคนยึดโยงกับประชาชนและสื่อสารกับประชาชนเสมอ ดิฉันจึงมั่นใจในตัว สส.ของเราว่า จะสามารถนำข้อมูลที่แท้จริงจากพี่น้องประชาชน เข้ามาสร้างนโยบาย เข้ามาช่วยกันผลักดันพรรคไปจนถึงการผลักดันนโยบายของประเทศโครงสร้างใหม่ที่พูดถึงนี้คงไม่ได้พูดแค่ภาพสวยหรู แต่เป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริง สามารถรวมความเป็นเอกภาพของพรรคเพื่อไทยไว้ ต่อจากนี้พลังของพรรคเพื่อไทยจะแน่วแน่ มั่นคง โปร่งใสและจะไม่มีใครมาลดทอนอำนาจนี้ได้ เราจะจัดคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะรับคำปรึกษาจากคณะกรรมการทั้งสองส่วน คือคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ และคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง ทั้งหมดนี้จะเป็นการรวมทั้งสมองและประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทยไว้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งหลังบ้านของเราให้มีที่พึ่งพา และสามารถตัดสินใจโดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นด้านการทำงานเชิงปฏิบัติโครงสร้างจะแบ่งเป็นสี่เสาหลัก คือสำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร จะดูแลการประสานงานการประชุมสภา ประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ ส่วนสำนักนโยบายจะเป็นเรื่องของการวิจัย เป็นดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พรรคไทยรักไทย และในส่วนของสำนักนโยบายนี้จะสนับสนุนในเรื่องของนโยบายและวิชาการให้กับ สส.ด้วย เมื่อเราทำนโยบายใดๆ เราทำโพลแล้วว่ามีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนจริงๆ และ สส.ต้องเข้าใจในเรื่องของนโยบายด้วย เพื่อที่จะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้เข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยต้องการขับเคลื่อนไปทางไหน และเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนหรือไม่ส่วนสำนักเลขาธิการพรรคโดยมีเลขาธิการพรรคเป็นหัวเรือใหญ่ บริหารจัดการกิจการทั้งหมดของพรรค โดยมีผู้อำนวยการพรรคดูแลสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา และมีฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายเลขาธิการพรรค จะทำหน้าที่ประสานงานกับคณะกรรมการทั้ง 5 ภูมิภาค ทั้งอีสาน เหนือ กลาง ใต้ และกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนสำนักสื่อสารจะมีฝ่ายยุทธศาสตร์สื่อสาร วางแผนร่วมกับกองงานโฆษกในการสื่อสารกับประชาชน ที่จะบอกกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยกำลังทำอะไรอยู่ เพื่อลดช่องว่างระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน เราอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรคของเรา ได้มีการเสริมในเรื่องของความคิดเห็น เพื่อเป็นข้อมูลให้พรรคสามารถนำไปพัฒนาต่อไปได้ในอนาคตโครงสร้างนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีเสรีภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เราเริ่มมีการรับสมัคร สส.มาสักพักแล้ว เราอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆ คน และอยากให้เป็นพื้นที่สำหรับคนที่เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนโดยนโยบายที่เป็นประโยชน์นั้น จะทำให้ประเทศชาติก้าวไปต่อได้อย่างแข็งแรง แน่นอนว่าต้องเป็นบุคคลที่เชื่อในประชาธิปไตยที่กินได้ คนที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับเรา ต้องการเข้าใจวิธีความคิดของพรรคเพื่อไทย แล้วตัวเองมีความคิดแบบนี้อยู่แล้ว ขอเชิญชวนท่านให้มาสมัคร ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือถ้ามีประสบการณ์มากอยู่แล้ว ก็มาสมัครได้ เราได้เปิดการรับสมัคร ส.ส.มาสักพักแล้วอย่างเช่นวันนี้สส.หน้าใหม่เกิน 100 คนซึ่งก็มาจากระบบนี้ ก็ขอเชิญชวนคนทั้งประเทศ นี่เป็นรูปธรรมที่พรรคเพื่อไทยเปิดพื้นที่ใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสมัครในครั้งนี้ข้อมูลของผู้สมัครทุกท่านจะถูกคัดและถูกส่งไปตามภาคต่างๆ ทุกภูมิภาค จากนั้นจะมีคนรับผิดชอบอย่างชัดเจนในแต่ละภาค ดังนั้นข้อมูลที่ส่งมาแต่ละภาคจะพิจารณาแยกกันและนำมารวมกันอีกทีตอนท้าย เราอยากเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงอุดมการณ์และแสดงศักยภาพของตัวเองอีกกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญของการคิดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ คือการจัดตั้งเวทีตาดูดาวเท้าติดดิน หรือ Moon Shot Forum เป็นเวทีศึกษาวิจัยหาทางออกที่มีวิกฤตผันผวนมากมายทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็จะเป็นเวทีที่จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นประโยชน์ในการผลักดันนโยบายประเทศชาติต่อไป พรรคเพื่อไทยจะเริ่มทำเวทีดังกล่าวที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ภายในเดือน ต.ค. จากนั้นจะขยายพื้นที่จากกรุงเทพฯไปต่างจังหวัด เราจะมีการรับฟังความคิดเห็นทั้งจากทุกภาคส่วนเรายกเครื่องพรรคเพื่อไทยแล้ว และเราจะยกเครื่องประเทศไทยในส่วนของ3สส.แพร่พรรคเพื่อไทยคือ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ เขต1นพ.นิยม วิวรรธนดิฐกุล สส.แพร่ เขต2และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ เขต 3 ได้ร่วมเปืดตัวและยืนยันหนักแน่นทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างมั่นคง







