




นายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ร่วมกับ นายมานะ จิตฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (สาขาแพร่) ร่วมประชุมเพื่อบูรณการ การทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหา ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง กับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่า ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า (เสือไฟ) หน่วยป้องกันสถานีไฟป่า ชุดสนับสนุนการควบคุมไฟป่า และเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ท้องที่จังหวัดแพร่และน่าน เพื่อร่วมกันวางแผนและกำหนดมาตรการ การป้องกันการเกิดสถานการณ์ไฟป่า โดยการใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียมวิเคราะห์จุดความร้อน(Hot Spot) ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2566 พ.ศ.2567 เปรียบเทียบกับการเกิดจุดความร้อนในปี 2568 ในการวิเคราะห์เป้าหมายพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟ มีการวางแผนกำลังพล สวิงกำลัง กำหนดจุดเฝ้าระวัง ระดมกำลังพลเจ้าหน้าที่ภาคสนาม เข้าควบคุมการเกิดไฟป่า เพื่อระงับเหตุเกิดไฟป่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดไฟป่า ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ร่วมกับกำลังพลทหาร กองทัพภาคที่ 3 ลงพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ “เคาะประตูบ้าน”ลาดตระเวนเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยเน้นการ ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(1) ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม หากบุคคลใดฝ่าฝืน กระทำผิด มีบทกำหนดโทษ ตาม มาตรา 41 ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วย ประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 19 (1) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าในท้องที่จังหวัดแพร่และน่าน เกิดไฟป่าอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีหมอกควัน และฝุ่นละออง ในอากาศเกินค่ามาตรฐาน ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จึงประกาศปิดป่า โดยใช้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 20 บุคคลซึ่งเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยมีบทกำหนดโทษ มาตรา 47 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท