โรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาลเมืองน่าน ปั้นเกษตรกรอินทรีย์น้อย เสริมโภชนาการ พัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือน

0
(0)
image_print


โรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาลเมืองน่าน (บ้านสวนตาล) เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการให้ความรู้ทางวิชาการแก่เด็กนักเรียนเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะชีวิต และทักษะอาชีพ เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ โดยโรงเรียนได้จัดให้มีชั่วโมงเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์ เพื่อสอนให้นักเรียนมีความรู้ในเรื่องโภชนาการและสุขอนามัยที่ถูกต้อง นักเรียนได้เรียนรู้การปลูกผักสวนครัว เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ปลูกพืชสมุนไพร การปลูกผักปลอดภัย ส่งผลผลิตเข้าสู่โรงครัวโรงเรียน สำหรับประกอบอาหารกลางวัน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้นี้ไปต่อยอดในครอบครัว ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจในครัวเรือน
นางสาวนวพรรณ อินต๊ะวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาลเมืองน่าน (บ้านสวนตาล) กล่าวว่า ได้ต่อยอดจาก การเกษตรในโรงเรียน มาเป็นเกษตรอินทรีย์ เป็นการบูรณาการการเรียนการสอนเข้ากับการใช้ชีวิตจริง และเพื่อปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ ได้เกิดการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับชั้นประถมศึกษปีที่ 6 จะมีพื้นที่แปลงเกษตรที่ตนเองรับผิดชอบ โดยนักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้การเตรียมดิน การเพาะปลูก การดูแลรักษาผักให้ปลอดสารเคมีด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งทำจากเศษอาหาร ขยะสดในโรงเรียน รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในโรงครัวของโรงเรียน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนค่าอาหารกลางวันแล้ว ยังช่วยให้นักเรียนได้บริโภคผักที่สด สะอาด และปลอดภัยอีกด้วย และนอกจากการนำผลผลิตไปใช้ในโรงเรียนแล้ว โรงเรียนยังส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทางธุรกิจตั้งแต่การปลูกผัก ดูแลรักษา การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเพาะปลูก ไปจนถึงการตลาดและการขายผักที่เหลือจากการบริโภคภายในโรงเรียน ตามนโยบาย พ่อค้าน้อย แม่ค้าน้อย ของ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน จัดตลาดกรีนมาร์เก็ตในทุกเดือน เพื่อให้เด็กๆนำผลผลิตเกษตรอินทรีย์จากที่บ้านมาแลกเปลี่ยน มาขายให้กับผู้ปกครองคนอื่นที่โรงเรียน ทำให้นักเรียนได้รับทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพได้ในอนาคต
นายอนุวัฒน์ เขื่อนดิน ครูผู้สอนวิชาเกษตรอินทรีย์ เล่าว่า การปลูกผักในโรงเรียน เพื่อเป็นอาหารกลางวัน ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้การทำเกษตรกรรมอย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยเสริมให้นักเรียนรู้จักความรับผิดชอบ มีวินัย รู้จักการประหยัด และนำสิ่งที่ตนเองมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น เมื่อมีพื้นที่ว่างก็ทำให้พื้นที่นั้นเกิดประโยชน์ด้วยการปลูกผัก เลี้ยงปลาหรือถ้าไม่มีพื้นที่มากพอก็ลองหาวิธีอื่น อย่างการปลูกผักแบบใช้น้ำก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง นอกจากจะได้ผักที่ปลอดสารพิษที่เราปลูกเองกับมือแล้ว ยังได้เรียนรู้การทำการเกษตรที่หลากหลายวิธี อีกทั้งนักเรียนยังได้ฝึกฝนกระบวนการบริหารจัดการ ตั้งแต่การดูแลแปลงผักไปจนถึงการคำนวณต้นทุนและการนำผลผลิตไปใช้ประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ชั่วโมงเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งอาหารที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้นักเรียนได้นำไปปรับใช้ในชีวิตจริง ทั้งในแง่ของการพึ่งพาตนเองและการช่วยเหลือครอบครัว นักเรียนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการปลูกผักเพื่อใช้ในมื้ออาหารของตนเองและเพื่อน ๆ อีกทั้งยังสามารถนำทักษะที่ได้รับไปต่อยอดในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักเพื่อบริโภคภายในครอบครัว หรือการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมและธุรกิจการเกษตร ซึ่งเด็กนักเรียนได้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต

@@@@@@@@@@

ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น จ.น่าน

ให้คะแนนบทความนี้

กรุณาเลือกจำนวนดาว

คะแนนค่าเฉลี่ย 0 / 5. จำนวนผู้ให้คะแนนโวต 0

ยังไม่มีผู้ให้คะแนนบทความนี้

Sending
User Review
0 (0 votes)

Leave a Reply

Translate »