วอนช่วยด่วน หลังชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขอปิด บช.เงินฝากสัจจะหมู่บ้าน กรรมการอ้างเงินหาย 1.4 ล้าน จาก 4 บัญชี ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนคนเบิก แจ้งความเอาผิด ไม่คืบ ร้องศูนย์ดำรงธรรมแพร่เงียบ

5
(1)
image_print

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ว่า ตัวแทนชาวบ้าน หมู่ที่ 11 ตำบลหัวฝาย อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ที่ได้รับความเดือดร้อนหนัก หลังจากได้นำเงินไปฝากกับกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มสัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิตหมู่บ้านเหล่าป่าผึ้ง เมื่อครบกำหนดตามเงื่อนไข 3 ปี ที่จะถอนคืน แต่กลับได้รับคำตอบจากคณะกรรมการดำเนินงานว่า ไม่มีเงินคืน และไม่รู้เงินหายไปไหน สร้างความงุนงงให้กับชาวบ้าน บางรายถึงกับปล่อยโฮออกมา และเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า มีหลักฐานการเบิกเงินจากธนาคาร จำนวน 4 บัญชีออกไปทั้งหมดชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันที่ ศาลากองทุนแม่แผ่นดิน หมู่ที่ 11 ต.หัวฝาย อ,สูงเม่น

ดร.พิศมัย สบายวงศ์ อดีตกำนันตำบลหัวฝายเปิดเผยว่า สำหรับ กลุ่มสัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิตหมู่บ้านเหล่าป่าผึ้ง หมู่ที่ 11 มีคณะกรรมการ 5 คน ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเก็บเงินจาสมาชิก โดยมีอดีตกำนันคนหนึ่ง เป็นประธาน และมีเหรัญญิก ซึ่งการเบิกจ่าย เงินจากบัญชีธนาคารจะเป็น 2 ใน 3 คนจากคณะกรรมการ 5คน เริ่มก่อตั้งเมื่อ วันที่ 13 ธันวาคม 2543 ค่าสมัครแรกเข้า 20 บาทและสมาชิต้องเปิดบัญชีไม่ต่ำกว่า 100 บาทจากธนาคารออมสิน สาขาสูงเม่น สมาชิกสามารถนำเงินมาฝากได้ตั้งแต่ 20 ผู้สมัครเป็นสบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 2,000 สามารถนำเงินฝากทุกวันที่ 13 ของเดือนการเบิกเงินต้นสมาชิกจะต้องออมสัจจะครบ 3 ปี จึงจะถอนเงินคืนได้ทั้งหมดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกลุ่มสัจจะเพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสมาชิกในเรื่องสภาพเงินคล่องในการกู้ยืมจากกลุ่มสัจจะครบ 1 ปีสามารถกู้เงินในกลุ่มได้ ส่วนดอกเบี้ยทางผู้บริหารจ่ายดอกเบี้ยตามธนาคารกำหนด การบริหารจัดการของคณะกรรมกลุ่มสัจจะในปีแรกๆ และถัดมาไม่เคยเกิดปัญหา ทำตามข้อตกลงในกฎระเบียบเรื่องจ่ายผลดอกเบี้ยของแต่ละหุ้น ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มเกิดปัญหาหลังจากที่เปลี่ยนคณะกรรมการมาเป็นกรรมการชุดปัจจุบัน

ขณะที่นางณัฐิยาภรณ์ สลักลาย บ้านเลขที่ 29/1 หมู่ที่ 11 ต.หัวฝาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ ซึ่งเคยเป็น 1 ในคณะกรรมการชุดเดิมที่เคยดำเนินการ เปิดเผยว่า สมัยที่ตนได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ ก็ไม่เคยเกิดปัญหา เพราะกระบวนการนั้นเมื่อเก็บเงินสมาชิกมาแล้ว จดบันทึก รายรับเข้า การนำฝากในแต่ละเดือน นอกจากนั้น ยังได้มีการจัดทำงบดุล ส่งให้กับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดแพร่ (พมจ.แพร่) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องส่งรายงานให้ทราบ หลังจากที่ออกจากคณะกรรมการไป การดำเนินงานก็ เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่ปี 2558 เริ่มมีปัญหาด้านการเงินหมุนเวียนในกลุ่มสมาชิกบางคนถึงเวลากำหนดการถอนหุ้นทางคณะกรรมบริหารก็ปฏิเสธโดยอ้างว่าเงินไม่มีในบัญชี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาสมาชิกบางคน ครบกำหนดที่จะถอนเงินคืน และได้ประชุมนัดหมายรับเงินในวันที่ 25 มกราคม 2565 แต่เมื่อถึงเวลา กรรมการบอกว่าเงินไม่มี ไม่รู้หายไปที่ไหน และไม่มีการจัดทำบันทึกเบิกจ่าย นำเงินฝากเข้า และการจัดทำงบดุล เพื่อส่ง ให้ พมจ.แพร่แต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านต่างกังวล จากเงินที่หายไปจำนวนประมาณ 1,400,000 บาท ซึ่งกลุ่มชาวบ้านได้รวมกันไปขอหลักฐานการเบิกจ่ายที่ธนาคารออมสิน จำนวน 4 บัญชี พบว่าหลักฐานการเบิกจ่าย เป็นลายเซ็นต์ของประธาน ที่เป็นกำนัน และ เหรัญญิก ที่เบิกจ่ายไปตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจจุบัน ลักษณะเป็นการนำเงินเข้าในตอนเช้า และจะเบิกจ่ายในช่วงบ่ายของวันเดียวกันแทนทุกครั้ง ส่วนการออมกลุ่มสัจจะจากเดิม มีสมาชิกที่ 75 คน จากยอดเงิน 1,742,000 บาทปัจจุบันคงเหลือสมาชิก 46 คน ยอดเงิน 1,400,000 บาทก่อนหน้านั้นมีสมาชิกถอนไปจำนวนหนึ่ง เมื่อเกิดปัญหา สมาชิกจะถอนคืน พบว่าไม่มีเงินเหลือในบัญชีแล้ว เรื่องจึงแดง และได้รวมกันนำหลักฐานเข้าแจ้งความ

ส.ต.ประสิทธิ์ เกษสุดาภรณ์ศํกดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีการรวบรวมหลักฐานเอกสารทั้งหมด สลีปการแอบไปเบิกเงินก็ชัดเจน เข้าแจ้งความกับ สภ.สูงเม่น เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 โดยในใบแจ้งบันทึกความผิดว่า ยักยอกทรัพย์ กับคณะกรรมการ ทั้ง 5 คน และมีรายชื่อชัดเจน ซึ่ง พ.ต.ต.ประสิทธิ์ พุทธิมา ได้รับคำจังความไว้แล้ว เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วย เรื่องผ่านมานานแล้วแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความเดือดร้อนของแต่ละคน ก็ต้องการได้เงินคืน และ ผู้กระทำผิดมารับผิดชอบ ไม่น่าจะทำกับคนหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งที่บางคนเดือดร้อนและยากจนกว่ากรรมการทั้ง 5 คน ขณะนี้ได้หารือกับผู้เสียหายกลุ่มชาวบ้านว่า ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจะขอยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้รับทราบและหวังว่าท่านจะได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้เดือดร้อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มากกว่า 1,400,000 บาท บางรายต้องเก็บเล็กผสมน้อย เพื่อนำมาฝาก หวังจะได้เงินปันผล และเงินก้อนคืนเมื่อครบ 3ปี ผู้พิการบางคน ต้องนำเงินพิการที่ได้มาฝากเพื่อเป็นการออมเงินก้อน ความเสียหาสูงสุดต่อราย คือ 144,00 บาท บางราย 96,000บาท รายที่เสียหายมากสุดคือ 72,000 รองลงมาตามลำดับ 3-5 หมื่นบาท รวมความเสียหายมากกว่า 1,400,000 บาท ขณะนี้ ชาวบ้านได้เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และ ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ด้วย .

ให้คะแนนบทความนี้

กรุณาเลือกจำนวนดาว

คะแนนค่าเฉลี่ย 5 / 5. จำนวนผู้ให้คะแนนโวต 1

ยังไม่มีผู้ให้คะแนนบทความนี้

Sending
User Review
0 (0 votes)

Leave a Reply

Translate »