เวลา 11.30 น.วันที่ 3 ก.ย.67 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.วีรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ
5 พล.ต.ต.มานพ เสนา กูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.เทคนิค จันสั ผกก.สภ.แม่สาย นายวุฒิเลิศ ชนะหาญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 34
นายณัฐพงษ์ ตุงเครือคำ ตำแหน่ง วิศวกรปฏิบัติการระดับสูง พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสายสัญญาณ โทรคมนาคมส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
โดยชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 (บก.สส.ภ.5), เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สาย จังหวัดเชียงราย บูรณาการปฏิบัติการร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 34 (กสทช. เขต 34) จับกุม นายอนุรักษ์ ปินตาคำ อายุ 26 ปี ชาว ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ในข้อกล่าวหา“การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 68 (1) พ.ร.บ.การประกอบกิจการ โทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้คลื่น ความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมของกลาง เครื่องขยายสัญญาณ Router และอุปกรณ์สำหรับส่งสัญญาณโทรศัพท์จำนวนมาก โดยจับุมได้ที่ ห้องพักเลขที่ 320/3 ม.2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ บ้านเลขที่ 146/68 ม.2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย
โดยการจับกุมครั้งนี้จากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเช่าบ้านพักและห้องพักอยู่ใกล้กันในพื้นที่ หมู่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ห่างจากชายแดนประมาณ 1.6 กิโลเมตร ได้ลักลอบติดตั้งสายส่งสัญญานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงลอดใต้สะพานจุดผ่านแดนถาวรข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 เชื่อม อ.แม่สาย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อสายถึงฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ก็นำกระจายสัญญานลึกเข้าไปในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านถึง 8 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่เชื่อว่าส่งไปให้ขบวนการหลอกลวงหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนการพนันออนไลน์ จึงขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านและห้องพักทั้ง 2 แห่งก็พบของกลางต่างๆ พร้อมสายส่งสัญญานที่โยงไปจนถึงสะพาน โดยที่ห้องพักใช้เป็นจุดติดตั้งเราต์เตอร์และอุปกรณ์ ส่วนบ้านพักเป็นจุดเชื่อมต่อสัญญานอินเตอร์เน็ต เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรื้อถอนออกและตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
โดยพบ นายอนุรักษ์เป็นผู้เช่าบ้านพักดังกล่าวจึงได้จับกุมตัวเอาไว้ และจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นขบวนการร่วมกันอีกอย่างน้อย 3 คนคือชายชาวเมียนมาอายุ 34 ปี ส่วนอีก 2 คนเป็นชายอายุ 31 ปีชาว ต.โป่งผา อ.แม่สาย และหญิงอายุ 35 ปี ชาว ต.แม่สาย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลเพื่อติดตามจับกุม ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบว่าขบวนการดังกล่าวมีพฤติกรรมนำสายสัญญานโยงลอดใต้สะพานข้ามพรมแดนไปอย่างอุกอาจ เพราะเป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ทั้ง 2 ฝั่งประเทศ เบื้องต้นคาดว่ามีการปลอมตัวปะปนไปกับพนักงานเอกชนที่รับติดตั้งสายส่งสัญญานตามปกติ ซึ่งต้องใช้เทคนิค ฝีมือ และเทคโนโลยีชั้นสูงจึงสามารถเชื่อมสายไฟเบอร์ออฟติกที่ใช้เครื่องมือราคาแพงถึง 400,000-500,000 บาท
พล.ต.ท.กฤตธาพล เปิดผยว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้พยายามเข้มงวดชายแดนภาคเหนือทั้ง 2 ฝั่งประเทศคือ สปป.ลาว และเมียนมา ตามปฏิบัติการระเบิดสะพานโจรเพื่อไม่ให้มีการส่งสัญญานที่ผิดกฎหมายไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งก็จะใช้สัญญานนี้โทรศัพท์หรือติดต่อกลับมาหลอกคนไทยจนสร้างความเสียหายให้เป็นมูลค่านับหมื่นหรือแสนล้านบาท แต่ปรากฎว่าหลังจากสถานการณ์ด้านฝั่ง สปป.ลาว ลดน้อยลง กลุ่มขบวนการกลับลักลอบส่งออกสัญญานทางฝั่งที่ติดกับประเทศเมียนมา โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่พบพิรุธคือบ้านเพียง 1 หลัง กลับใช้ขอใช้อินเตอร์เน็ตมากถึง 23 ยูสเซอร์ เชื่อมเข้าสู่กล่องรวบรวมสัญญานและส่งออกผ่านสายส่งสัญญานไปทางสะพานข้ามลำน้ำสายดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หารือกับ กสทช. เขต 34 ซึ่งทางผู้บริหารระดับสูงของ กสทช.จะเข้าไปตรวจสอบสายต่างๆ ที่อยู่ใต้สะพานซึ่งมีอยู่จำนวน 14 ราย หากพบว่ามีความผิดก็จะมีทั้งดำเนินคดีและรื้อถอนออกต่อไป.
