หนุ่มมีประวัติเพิ่งพ้นคุก ใช้ปืนจี้ลักพาตัวเมียขึ้นรถเก๋ง หนีข้ามอำเภอ ตำรวจปิดล้อม พยายามเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มคนร้ายมอบตัว แต่ทางคนร้ายพยายามจะต่อสู้ขัดขืนการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงยิงสวน เสียชีวิต 1 ราย
ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธร สภ.เมืองเชียงราย ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ลาวในการช่วยเหลือตัวประกันเกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ 12.50 น.วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ลงพื้นที่ควบคุมการปฏิบัติงานกับ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พ.ต.อ.มาโนช สุดสวาท ผกก.แม่ลาว พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารีย์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองเชียงราย พ.ต.ท.สาธิต จิตกล้า รอง ผกก.สส. สภ.แม่ลาว เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายจี้จับตัวประกันมาจากพื้นที่ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย และหลบหนีมาที่บ้านห้วยส้านอาข่า ม.9 ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย
โดยเหตุการดังกล่าวทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพนักงานวิทยุ สภ.เมืองเชียงราย ว่ามีผู้ก่อเหตุบุกรุกและใช้อาวุธปืนจี้ลักพาตัว น.ส.ภา (นามสมมุติ) ในพื้นที่ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนบุกรุกไปในบ้านผู้เสียหาย และใช้อาวุธปืนจี้ให้ผู้เสียหายขึ้นรถของคนร้ายแล้วหลบหนีไป โดยในที่เกิดเหตุมีรอยกระสุนปืนยิงเข้าไปที่กระจกในบ้าน จำนวน 1 นัด ชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามลงพื้นที่หาข่าวจนสืบทราบว่ารถยนต์ของผู้ก่อเหตุ มุ่งหน้าขึ้นไปทางซอย 7 บ้านห้วยส้านอาข่า ม.9 ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ภูเขาสูงปลูกสับปะรด เชื่อว่าคนร้ายไปหลบซ่อนอยู่ที่กระท่อมของนายทักษ์ (นามสมมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงรายข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย,โดยการกระทำเพื่อการค้า” ซึ่งรู้จักกับคนร้ายเป็นอย่างดี ระหว่างได้นำกำลังเดินเท้าเข้าไปยังกระท่อมนายทักษ์ ได้มีเสียงอาวุธปืนดังขึ้น จำนวน 1 นัด จึงได้วางกำลังโอบล้อมกระท่อมที่คาดว่าผู้ก่อเหตุหลบซ่อนอยู่ และแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอให้ผู้ที่อยู่ด้านในกระท่อมมอบ แต่ผู้ที่อยู่ในกระท่อมได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงออกมา 1 นัด และมีชาย จำนวน 2 คน วิ่งหลบหนีจากกระท่อมดังกล่าว ได้ถืออาวุธปืนเล็งไปยังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในเจ้าหน้าที่ชุดปิดล้อมจับกุมในระยะประชิด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ไป 1 นัด ทำให้ 1 ใน 2 คนร้ายล้มลง โดยทราบชื่อในภายหลังคือนายทักษ์ ทางเจ้าหน้าที่จึได้ให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเบื้องต้น และได้ตรวจยึดอาวุธปืนสั้นลำกล้องเดี่ยว ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ถืออยู่ในมือข้างขวาของ นายทักษ์ฯ และปลอกกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 1 ปลอก และนำตัวส่งโรงพยาบาลทราบในภายหลังว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนชายอีกคนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วิ่งติดตามจับตัวได้บริเวณทิศเหนือของกระท่อมคือนายพง (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุบุกรุกและใช้อาวุธปืนจี้ลักพาตัวในคดีนี้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “พยามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยิงอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต,บุกรุกโดยไม่มีเหตุอันควร,” และสามารถช่วยเหลือ น.ส.ภา ที่ถูกจับตัวอยู่ภายในในกระท่อมที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย
โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมดังกล่าวเป็นผลผลิตจากนโยบายของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ที่ต้องการให้ทุก สภ.ในพื้นที่ ภ.จว.เชียงราย มีเจ้าหน้าที่ชุดอาวุธพิเศษประจำ สภ.โดยคัดเลือกจากเจ้าหน้าที่งานสืบสวนและป้องกันปราบปราม สภ.ละ 10 นาย นำมาฝึกร่วมกันเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่เผชิญเหตุที่มีความร้ายแรงพื้นที่ของตนและสนธิกำลังทำงานร่วมกันระหว่างสถานีตำรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ