ชาวประมงพื้นบ้านเก็บขยะจากทะเล รวบรวมไปขายนำรายได้เลี้ยงครอบครัว เนื่องจากต้องหยุดทำการประมงมาเป็นเวลาหลายวัน ขาดรายได้ได้รับความเดือดร้อน
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ยังคงออกประกาศเตือน เรื่อง คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 10-13 มกราคม 2564 ) เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม ประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ทำให้ช่วงวันที่ 10-13 มกราคม 2564 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง ความสูง 2-4 เมตรขอให้ประชาชน บริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว
ในขณะเดียวกันนายสมคิด มะหะพันธ์ ชาวประมงพื้นบ้านชุมชนเก้าเส้ง ที่ใช้เรือผลักดันน้ำแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน มาขยายปากคลองสำโรงจนเรือประมงพื้นบ้าน สามารถผ่านเข้า-ออกได้ ขยายปากคลองสำโรงจนสำเร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 ผ่านมา หลังคลื่นลมกำลังแรงระลอกใหม่ความสูง 2-4 เมตร ระหว่างวันที่ 8-13 มกราคม 2564 ส่งผลทำให้ปากคลองสำโรงถูกคลื่นพัดกระหน่ำเข้ามา พัดพาน้ำทะเลพร้อมดินทรายเข้ามาทับถมบริเวณปากคลองสำโรงอีกครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ปากคลองสำโรงอาจจะต้องถูกปิดด้วยทรายอีกครั้ง
และชาวประมงพื้นบ้านในช่วงนี้หยุดออกเรือมานานหลายวันเนื่องจากคลื่นลมแรง ซัดเอาขยะจากทะเลขึ้นมาติดบริเวณชายหาด ซึ่งเป็น อวน เชือก ได้เก็บสิ่งของที่คลื่นซัดขึ้นจากทะเลมารวบรวมไว้และทำการแยกชนิดทั้งเชือกและอวน หลังจากนั้นก็ได้รวบรวมนำมาใส่ในถุงอวนเพื่อนำไปส่งขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในตัวเมืองสงขลา
สำหรับขยะจากทะเลที่ขึ้นมาติดอยู่บริเวณชายหาดชลาทัศน์ในช่วงฤดูมรสุมฯทุกปี ส่วนใหญ่จะเป็นเศษอวน เชือก ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยแยกนำไปขายเศษเชือกไนล่อนขนาดเล็ก กก.ละ 10 บาทเศษเชือกขนาดใหญ่ กก.ละ 5 บาท เศษอวนราคา กก.ละ 11 บาท
โดยมีชาวประมงพื้นบ้านในชุมชนบ้านเก้าเส้งหลายครอบครัว ที่เก็บขยะจากทะเล บริเวณชายหาดมาทำการแยกชนิดและรวบรวมไปขายเพื่อนำรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากในช่วงนี้ชาวประมงพื้นบ้านชุมชนเก้าเส้งต้องหยุดทำการประมงมาเป็นเวลาหลายวัน ขาดรายได้ได้รับความเดือดร้อน ต้องขวนขวายหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งมีหลายชีวิตจะต้องใช้จ่ายทุกวัน
ภาพ/ข่าว.นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา