“ผาวิ่งชู้” ตำนานรักอมตะ ที่โลกลืมกลายเป็นดินแดนเสี่ยงอันตราย หน้าผาปกคลุมด้วยวัชพืช รั้วเหล็กถล่มลงเหวลึก

0
(0)
image_print

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2564 เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่2564 ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันที่ ตำนานรักอมตะผาวิ่งชู้ ตั้งอยู่หน้าผาสูงฝั่งแม่น้ำปิงบริเวณผืนป่า บ้านดงดำ หมู่5 ต.ฮอด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชม ถึงแม้ว่าปัจจุบันถนนทางเข้าสู่หน้าผาวิ่งชู้ ทาง อบจ.เชียงใหม่ ได้ก่อสร้างปรับปรุงเป็นถนนลาดยางแอสฟัลท์ติก เข้าไปอย่างสะดวกสบายขึ้น

แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังกับสถานที่ที่เข้าไปเที่ยวชมขาดการดูแลเอาใจใส่ทั้งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.ฮอด แห่งหนึ่ง ปล่อยรกร้างทรุดโทรมไม่เหมือนในอดีต ปกคลุมไปด้วยวัชพืช ผู้ที่จะเดินเข้าไปชมหน้าผาวิ่งชู้ต้องแหวกกอหญ้าที่ปกคลุมไปถึงหน้าผา ส่วนราวรั้วเหล็กที่ล้อมหน้าผาก็ชำรุดผุพังถล่มลงไปก้นเหวลึกเกือบหมด นักท่องเที่ยวต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหากเกิดเหยียบพลาดตกลงไปในเหวลึกร่วม 100 กว่าเมตรอาจถึงแก่ชีวิตได้

นักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ได้บ่นว่าอยากถูกหวยรางวัลที่1 จะได้นำเงินมาพัฒนา”ผาวิ่งชู้”แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ประกอบกับหน้าผาวิ่งชู้ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเบื้องล่างมีสายน้ำปิงไหลผ่านยาวสุดลูกหูลูกตา และมีพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านอย่างกว้างขวาง

สำหรับประวัติโดยคร่าวๆของตำนานผาวิ่งชู้ มีอยู่ว่าในอดีตกาล พระยาแสนโทเป็นผู้ครองเมืองพิศดารนคร หรือเมืองฮอดปัจจุบัน มีธิดาชื่อ พระนางแอ่นฟ้า กับ พระนาย และได้รักใคร่กับลูกเสนา ชื่อ น้อยสิงห์คำ เกิดปัญหารักต่างฐานันดรขึ้น พระยาแสนโททราบเรื่องจึงเรียกคนทั้งสองมาว่ากล่าวตักเตือน หากฝ่าฝืนกฎมนเฑียรบาล จะมีโทษประหารชีวิตแต่ด้วยความรักทั้งสองที่มีต่อกันจึงตกลงชวนกันหนีออกจากเมืองจึงควบม้าสีขาวไปกลางดึก

ความทราบถึงพระยาแสนโทได้กริ้วมากสั่งเสนาอำมาตย์และทหารออกติดตาม พร้อมสั่งว่าหากเจอคนทั้งสองให้ประหารชีวิตเสีย ขณะที่พระนางแอ่นฟ้า และน้อยสิงห์คำกำลังควบม้าได้ยินเสียงม้ากระทบแผ่นดินสะเทือนเลือนลั่นตามมาติดๆทั้งสองเห็นจวนตัว จึงหยุดม้าริมชายป่าปรึกษากันว่าอยู่ก็ตายหนีก็ตายเราจะกระโดดหน้าผาอันสูงชันนี้ตายด้วยกัน ทั้งสองจึงเห็นควร จึงเอาผ้าขาวผูกตาม้าไว้เพื่อไม่ให้ม้าเห็นหน้าผาจะวิ่งไปทางอื่น พระนางแอ่นฟ้าเห็นว่าน้อยสิงห์คำไม่กล้าบังคับม้าให้กระโดดหน้าผา จึงเป็นผู้ควบม้าแทนน้อยสิงห์คำให้นั่งช้อนกลังม้าแทน

จากนั้นพระนางแอ่นฟ้าได้ตีม้าอย่างแรง ม้าจึงวิ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วตกลงไปหน้าผาสูงลงสูงแม่ระมิงค์ หรือ แม่น้ำปิง ในปัจจุบัน จมหายไปทั้งม้าและคนเสียชีวิต

ส่วนทางด้านพระนาย น้องชายของพระนางแอ่นฟ้าที่ร่วมขบวนมากับทหารที่ไล่ติดตามพระนางแอ่นฟ้ากับน้อยสิงห์คำ เห็นรอยม้ากระโดดลงหน้าผาไป จึงโศกเศร้าเสียใจอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง จึงตรอมใจขาดใจตายที่นิมห้วยใกล้กับหน้าผาและที่นี้เรียกว่า”ห้วยพระนาย”และทางพ่อและแม่ของพระนางแอ่นฟ้ากับพระนายเสียใจมากและมาทำบุญนำสิ่งของทิ้งลงแม่น้ำระมิงค์ สิ่งของเหล่านั้นได้ลอยไปตามน้ำ ติดตามสถานที่ต่างๆจนกลายเป็นชื่อของหมู่ริมแม่น้ำ เช่น ข้าวแต๋น เป็นบ้านผาแตน ,หม้อ เป็นบ้านวังหม้อ,สลุง เป็นบ้านวังลุง และอื่นๆเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

ต่อมา”ผาวิ่งชู้”จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นตำนานรักอมตะของอำเภอฮอด แต่น่าเสียดายในปัจจุบันนี้ขาดการดูแลพื้นที่แห่งนี้ที่ชำรุดทรุดโทรม กลายเป็นจุดเสี่ยงอันตรายกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ให้คะแนนบทความนี้

กรุณาเลือกจำนวนดาว

คะแนนค่าเฉลี่ย 0 / 5. จำนวนผู้ให้คะแนนโวต 0

ยังไม่มีผู้ให้คะแนนบทความนี้

Sending
User Review
0 (0 votes)

Leave a Reply

Translate »