เพื่อรองรับการเปิดประเทศและรองรับนักท่องเที่ยว ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ณ ศูนย์การแพทย์เขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์การแพทย์เขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน Andaman Hub Medical Center และระบบส่งต่อผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินทางทะเล เพื่อรองรับการเปิดประเทศและรองรับนักท่องเที่ยว ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และพบปะให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อสม.และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนพร้อมมอบนโยบายในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยมีนายแพทย์วิทยา วัฒนเรืองโกวิท นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา ว่าที่ร้อยเอกพงษ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ ประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์อันดามัน ภาคเอกชน บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจน อสม.ในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า ร่วมให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ กล่าวว่า งานเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของ ประเทศไทย ได้ผลดีมาจากความร่วมมือร่วมใจของ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน และที่สำคัญอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1 ล้าน ถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เสียสละ เป็นด่านหน้า ทำงานเชิงรุก เคาะประตูบ้านเรือนที่รับผิดชอบ แจ้งข่าวสาร ให้ความรู้ คัดกรองกลุ่มเสี่ยง จนผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก ได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกว่า อสม.คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การต่อสู้กับโควิด 19 ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังชื่นชมและให้กำลังใจบุคลากรสาธารณสุขและเครือข่ายทุกภาคส่วน ที่สามารถ ดำเนินงานในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี จนทำให้พังงา เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของประเทศไทยในการนำร่องการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในจังหวัดและภาพรวมของประเทศต่อไป นอกจากนี้ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังพูดคุยถึงประเด็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. 1,500 บาท ระยะเวลา 19 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
กระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอให้ได้ค่าตอบแทน 1,500 บาทตลอดชีพ ซึ่งตรงนี้จะช่วยเหลือ อสม.ในการนำมาชำระค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ 200 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ กำลังหารือในการเพิ่มสิทธิให้สามารถนำสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้เงิน สำหรับ อสม.ที่มีความเดือดร้อนจริงๆ เช่น ซ่อมบ้าน เป็นต้น โดยจะพิจารณาความจำเป็นเฉพาะรายและต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากทายาทด้วย สำหรับอสม.รายใหม่ที่เป็น อสม.สมทบ จำนวน 3-4 หมื่นคน ที่ยังไม่สามารถสมัครเข้าร่วมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ จะเร่งหารือแนวทางในการผลักดันให้เข้าสู่ระบบการดูแลส่วนนี้ต่อไป