พระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี และ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา หรือเกจิดังภาคใต้ ได้นำเครื่องตรวจวัดความดันโลหิต มูลค่า 80,000 บาท มอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อ.นาทวี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย พร้อมให้กำลังใจบุคลากรแพทย์และพยาบาลที่ต้องทำงานหนักในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดและกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ที่กักในโรงพยาบาลสนามหลายแห่งในจังหวัดสงขลา ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องมือแพทย์
โดยมีแพทย์หญิงนภัส แผ่ผล แพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จราชินีนาถ เป็นผู้รับมอบ
ทางด้าน พ.ญ. นภัส แผ่ผล กล่าว่า ทาง รพ.นาทวีฯ มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่กำลังทำการักษา ทาง รพ.กำลังทำห้องคัดความดันลบ ที่แพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องรอคิวนาน ในช่วงโควิด คนไข้ที่ไม่เร่งด่วนก็ให้รอก่อนแต่ส่งผลให้โรคยืดเยื้อนานขึ้น คนไข้ใน 4 อำเภอจะได้การรักษาที่รวดเร็วและดีขึ้น
ด้านนายแพทย์ สุวัฒน์ วิริยะพงษ์สุกิจ ผ.อ.โรงพยาบาลนาทวี เปิดเผยว่าการแพร่ระบาดโควิด19 ที่บ้านประกอบ อ.นาทวี มีการติดเชื้อเพิ่มในวันนี้ฯ จำนวนหนึ่งมาจากคลัสเตอร์มัรก้ส ยะลา และได้มีการตรวจหาเชื้อวันนี้อีก 60 ราย และจะทราบผลภายในวันพรุ่งนี้ มีการล็อคดาวน์ 2 หมู่บ้าน ซึ่งเราวิตกเกี่ยวกับเชื้อสายพันธุ์แอฟริกา หากติดเชื้อดังกล่าวต้องกักตัวเป็นเวลา 21 วัน ในขณะที่ รพ.สนามไม่เพียงพอ
ด้านพระครูสุวัฒนาภรณ์ กล่าวว่า ทาง รพ.นาทวี ฯ ดูแลพระภิกษุและฆราวาสเป็นจำนวนมากในช่วงโควิด19 ซึ่งโรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องวัดความดัน จึงได้รวบปัจจัยจากผู้ที่มีจิตศรัทธา ซื้อเครื่องวัดความดันและได้ส่งมอบให้โรงพยาบาล พร้อมได้หารือ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค4 เตรียมจัดทอดผ้าป่าซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้โรงพยาบาลในโอกาสต่อไป
ส่วนการที่มีผู้ติดเชื้อที่บ้านประกอบ อ.นาทวี พระครูสุวัฒนาภรณ์ให้ความเห็นว่า ผู้ติดเชื้อมาจากโรงเรียนในจังหวัดยะลา ตอนนี้ ทางโรงพยาบาลและฝ่ายปกครองเข้าไปควบคุมดูแลอยู่ และมีการกระจายเชื้อไปยังหลายจังหวัด
อยากเตือนสติประชาชน เพราะไม่ฉุกคิดกันว่าโควิดเป็นโรคติดต่อเหมือนโรคอื่นๆ ฉะนั้นเราอย่าเสี่ยง อย่าดื้อคำแนะนำจากสาธารณสุข อย่าใกล้ชิดผู้ป่วย รักษาระยะห่าง ในการรักษา โรคนี้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดกำหนด ตัวเราเองเท่านั้นกำหนด เราจะติดโรคหรือไม่อยู่ที่การปฏิบัติตัวเอง วันนี้หมอพยาบาลเหนื่อยและน่าสงสาร ในการรักษาคนป่วยโควิดมากที่สุด โดยไม่มีเวลาพัก
ส่วนไทยพุทธอย่าเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่ เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่เข้าระบบคัดกรองไม่ยอมให้ความร่วมมือ คนๆเดียวสามารถทำความเดือดร้อนให้อีกหลายๆคน ให้ฉุกคิดว่าโรคภัยต่างๆมาจากธรรมชาติ เราจะเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ โรคนี้เป็นการพิสูจน์ตัวเอง ทางเดียวที่ห่างไกลโรค คือการดูแลตัวเอง ทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ ไม่สร้างความลำบากใจให้คนอื่น ต้องมีปัญญาคุมอยู่ในใจ เจริญพร
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา