เจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกัน ตรวจยึดไม้กระยาเลยแปรรูป ในพื้นที่รอยต่อแพร่ – น่าน

วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. ที่บริเวณข้างลำห้วยแม่กับไฟ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำสาและป่าแม่สาครฝั่งซ้าย ท้องที่หมู่ที่ ๗ ตำบลยาบหัวนา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยเจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกันหลายฝ่ายประกอบด้วย
              ๑. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๓ สาขาแพร่
              ๒. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด. ๓๒๓ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๓๒ (พะเยา)
              ๓. เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาที่ นน.๑๓ (น้ำลา) นน. ๑๔ (แม่สาคร)
              ๔. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดแพร่
              ๕. หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ ๒ สปป.๓ (ภาคเหนือ)
             ๖. เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปราม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 แพร่
              ๗. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาค ๕
               ๘. เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ ๓ ภาคเหนือ
              โดยได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางประกอบด้วย
              ๑. ไม้กระยาเลยแปรรูป(ยางนา) จำนวน ๕๘ แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร ๐.๗๑ ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นจำนวนเงิน ๑๔,๒๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันสองร้อยบาทถ้วน)
               โดยกล่าวหาว่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ “ทำไม้หรือทำอันตรายใดๆ แก่ไม้หวงห้ามโดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”, มาตรา ๔๘ ฐาน “มีไม้กระยาเลย(ยางมา)แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต” ตามพระราชบัญญัติป่าุสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ “ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตและยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายสภาพป่าสงวนแห่งชาติ”
              พฤติการณ์แห่งคดีนั้น คณะเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันออกป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่รอยต่อแพร่ – น่าน ท้องที่ตำบลหัวยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ และตำบลยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ปาลำห้วยกับไฟ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสาและป่าแม่สาครฝั่งซ้าย ท้องที่บ้านภักดีธรรม หมู่ที่ ๗ ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน คณะเจ้าหน้าที่พบร่องรอยของรถยนต์ขับเข้าไปตามลำห้วย คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามร่องรอยรถยนต์คันดังกล่าวไป จนถึงที่หมาย พบไม้แปรรรูปกองทิ้งไว้อยู่บริเวณข้างลำห้วย คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ ไม่พบผู้หนึ่ง ผู้ใด ที่พอจะสอบถามได้ว่าใครเป็นเจ้าของไม้ และทำการแปรรูปไม้ดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบไม้ดังกล่าว และตรวจยึดไม้ดังกล่าว พร้อมแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป