1

“ดอยพุ่ยโค” สร้างชีวิตใหม่ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ จ.แม่ฮ่องสอน

มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่คะตวน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ว่าการอำเภอสบเมย โรงเรียนบ้านอุมดาเหนือและวิสาหกิจชุมชนดอยพุ่ยโครวมถึงเยาวชนที่มีใจรักบ้านเกิดสานต่อโครงการ “ชุมชนอารยะอนุรักษ์ดอยพุ่ยโคเพื่ออาชีพชุมชน”
ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบันมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯได้ร่วมบูรณาการและวางรากฐานเพื่อการพัฒนาอาชีพให้กับคนในชุมชนเสริมศักยภาพผู้ประกอบการค่ายพักแรมเชื่อมโยงการท่องเที่ยว สนับสนุนส่งเสริมให้เด็กและผู้ปกครองเด็ก ซี.ซี.เอฟ.จำนวน 176 คน มีอาชีพในชุมชน 4 กลุ่มได้แก่
1.กลุ่มจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากท้องถิ่น
2.กลุ่มบริการการท่องเที่ยว เช่น การบริการลูกหาบ รถรับส่งนักท่องเที่ยวและบริการรับฝากรถ
3.กลุ่มบริการที่พัก เช่น เต๊นท์ให้เช่า สะอาด ปลอดภัย ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
4.กลุ่มจำหน่ายของที่ระลึก เช่น ผ้าทอมือ และผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น
และวันที่ 2 พฤสจิกายน 2567 ดร.บรรจงเสก ทรัพย์โสภา ผู้อำนวยการมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.เพื่อเด็กและเยาวชนฯได้รับเกียรติร่วมพิธีเปิด “งานฤดูกาลท่องเที่ยวดอยพุ่ยโค ประจำปี 2567” โดยนายสุรศักดิ์ ใจคำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่คะตวนกล่าวเปิดงาน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นประธานพิธีเปิดงานสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยว สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น “ดอยพุ่ยโค” เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัมนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยพุ่ยโคบ้านอุมดาเหนือหมู่ที่ 8 จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“ดอยพุ่ยโค หรือ ดอยพุย” เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวกระเหรี่ยง ตั้งอยู่ที่ บ้านอุมดาเหนือ ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ระดับความสูงที่ 1,406 เมตร จากระดับน้ำทะเล พื้นที่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสบเมยประมาณ 10 กิโลเมตร ดอยพุยโข่หรือดอยช้าง (เก่อชอวาหลู่)ในอดีตนักสำรวจได้ทำการสำรวจโดยใช้เครื่องบินเพื่อสำรวจ ซึ่งเมื่อมองจากระยะไกลพื้นที่จะคล้ายกับช้างเลยเรียกว่า “ดอยช้าง” แต่คนในพื้นที่จะรู้จักในชื่อ “ดอยพุยโข่” บนยอดดอยจะมีหลุมขนาดใหญ่ชาวบ้านบอกว่าเป็นปล่องภูเขาไฟ ซึ่งในช่วงฤดูฝนหากมองลึกลงก็จะพบว่ามีน้ำหยดหรือน้ำย้อยอยู่ภายในปล่อง และเมื่อกาลเวลาผ่านไป “ดอยพุ่ยโค” จึงกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทอง มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและสุดยอดแห่งการมาดูทะเลหมอก 360 องศา เป็นที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน แวะนอนกางเต็นท์ แคมป์ปิ้ง เพื่อสัมผัสกับความหนาวเย็นบนยอดดอยแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
“ดอยพุ่ยโค จึงไม่ได้เป็นเพียงจุดชมวิวเพียงเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วย “ความหวัง” ที่เต็มเปี่ยมด้วย “หัวใจเข้มแข็ง” คนในชุมชนร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนได้หลอมรวมใจกันผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาด้านอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้คนในชุมชนอย่างยั่งยืน