1

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่จังหวัดน่านติดตามความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาน้ำ ที่ดินทำกิน และส่งเสริมการปลูกกาแฟ

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาตรวจราชการและติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยได้รับฟังข้อมูลจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมเจ้ามหาพรหมสุรธาดา ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดน่าน โดยมีนายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นำหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนภาคเอกชนในพื้นที่ร่วมให้ข้อมูล

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ ที่จังหวัดน่าน ของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อเร็วๆนี้ ได้มอบหมายให้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดน่าน เนื่องจากพื้นที่จังหวัดน่าน สามารถเก็บน้ำได้เพียงร้อยละ 1 ของปริมาณน้ำฝนหรือน้ำท่าเท่านั้น นอกจากนั้นได้สั่งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน การส่งเสริมปลูกพืชมูลค่าสูง ทดแทนพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด โดยเฉพาะการปลูกกาแฟ โรบัสตาและอาราบิกา ซึ่งมีความต้องการทางตลาดสูง เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปี โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินนั้นซึ่งต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องมี การดำเนินงาน อย่างเป็นระบบซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ได้รับทราบความคืบหน้า ในการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะจังหวัดน่าน นั้นมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือเป็นที่ราบ และเกษตรกร อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำกินเช่นเขตป่า เขตอุทยาน เป็นต้น สำหรับเรื่องการส่งเสริมการปลูกกาแฟนั้น ได้มีการลงพื้นที่สำรวจ เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟ ทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีประมาณ 2,093 ไร่ เกษตรกร 624 ราย ทั้งที่มีและไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยได้จัดทำโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยววงเงิน 1.9 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า 100 ไร่ ในเฟสแรก มีห้างหุ้นส่วนจำกัดน่าน ดูโอ คอฟฟี่ ภูมิใจ๋คอฟฟี่ และ บ.ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัดน่าน วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัดและบริษัท CP เพื่อความยั่งยืน ร่วมช่วยบริหารจัดการด้านการตลาด ในอนาคตหากยังมีความต้องการ จะสนับสนุนเพิ่ม โดยพบว่า กาแฟในประเทศไทยสามารถผลิตได้ 20,000 ตันขณะที่มีความต้องการในตลาดประมาณ 80,000 ตัน สำหรับปีนี้สามารถดำเนินการได้เลยในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือประมาณ 8,000 ไร่ ซึ่งกาแฟ จะต้องใช้ระยะเวลา 4 ปีในการปลูกจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

นอกจากรัฐมนตรีว่าการได้สั่งการให้ส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีความสำคัญ ความต้องการสูงจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ เช่นกาแฟ นอกจากนี้ยังติดตามการวางแผนลดการเผาในที่โล่ง เพื่อแก้ปัญหามลพิษหมอกควันอย่างยั่งยืน

โดยนายศรีรุ่ง รัตนศิลา ประธานหอการค้าจังหวัดน่าน ได้ขอให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดเรื่องการขอใช้พื้นที่ คสช. และ สปก. ซึ่งได้เคย เสนอขอผ่านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น เพื่อขยายแปลงปลูกกาแฟ ไผ่และยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่หอการค้าจังหวัดน่านและภาคเอกชนเห็นว่ามีอนาคตไกลเป็นที่ต้องการของตลาดและราคาแพงสามารถเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

@@@@@@@@@@@@

ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น