วันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17.00 น. อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จุรินทร์ ออนทัวร์ พังงา จัดต่อเนื่องมาจากนครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อวาน และเมื่อวานซืน ก็ไปที่ อ.ปากพนัง และจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค 8 คน โดยวันนี้ได้มาที่ อ.ตะกั่วป่า หลังจากนี้จะได้ไปที่ อ.คุระบุรี ส่วนในวันพรุ่งนี้จะไปที่ อ.ท้ายเมือง ทุ่งมะพร้าว หลังจากนั้นจะได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อไปทำภารกิจอื่นๆ รวมทั้งร่วมประชุม ครม. ในวันอังคารที่จะถึงนี้
สำหรับที่จังหวัดพังงา ได้มาติดตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ชาวสวนยาง และชาวสวนปาล์ม รวมทั้งผู้ปลูกข้าวบางส่วน ขณะเดียวกันก็เข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร จ.พังงา ที่เป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ หรือเป็นหนี้สถาบันการเงินและกำลังจะถูกยึดที่ดินทำกิน เพราะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา ก็ให้โอนหนี้มาเป็นหนี้กับกองทุนฟื้นฟูฯ แล้วมาปฏิบัติตามกติกาของกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วยดอกเบี้ยเพียง 0% และปรับโครงสร้างหนี้ เมื่อชำระหนี้เสร็จแล้วก็จะได้คืนโฉนดให้ ซึ่งที่พังงา ก็มีหลายราย นอกจากนี้ยังได้นำโครงการพาณิชย์ ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย ล็อตที่ 21 มาที่ อ.ตะกั่วป่า และ อ.คุระบุรี รวมถึง อ.ท้ายเหมืองด้วย ซึ่งจะได้ลดราคาสูงสุดถึง 60% และมีสินค้า 10 หมวดที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาหารสดราคาพิเศษด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้กล่าวถึงการวางตัวว่าที่ผู้สมัครจังหวัดพังงา ว่า พังงา พร้อมแล้ว เพราะได้ตัวผู้สมัครแล้ว รอเพียงการเปิดตัว ซึ่งก็จะได้ทยอยเปิดตัวต่อไป เมื่อวานก็ได้เปิดตัวผู้สมัครที่จังหวัดนครศรีธรรมราชไปแล้ว 8 เขต สัปดาห์หน้าจะได้ไปเปิดตัวผู้สมัครที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถัดจากนั้นจะเป็นพัทลุง ภูเก็ต และพังงา ส่วนภาคอื่นๆ จะได้จัดสลับกันไป มีกำหนดการหมดแล้ว ได้ตัวผู้สมัครเกือบครบหมดแล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวล พังงาก็พร้อมแล้ว มีผู้สมัครครบทั้ง 2 เขตแล้ว
ส่วนการที่ตระกูลเสนพงศ์ ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีใครทิ้งใครหรอก เพียงแต่จะต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม พรรคมีขั้นตอนกระบวนการในการพิจารณาอยู่
“พรรคให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่สนใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค แต่ว่า 1 เขต มีผู้แทนได้ 1 คน จะส่ง 2 คน ก็ไม่ได้ ยกเว้นสนใจจะไปลงบัญชีรายชื่อ แต่ถ้าไม่ลงบัญชีรายชื่อ พรรคก็ไม่มีทางออก ไม่ว่าจะพรรคไหน ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ว่าบางพรรคเขาส่งได้ 2 คนเขตเดียว แต่ประชาธิปัตย์ทำไมส่งได้คนเดียว มันก็ส่งได้คนเดียวเหมือนกันทุกที่ เพราะฉะนั้นพรรคก็ได้ให้ความเป็นธรรม และทำผลการสำรวจ ทำโพลแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามโพล” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมถึงการรับมือทางการเมืองหลังการประชุมเอเปคว่า เราทำหน้าที่พรรคการเมืองของเรามาตลอดระยะเวลา หลังเอเปค สถานการณ์ทางการเมืองก็จะเดินใกล้โหมดเลือกตั้งมากขึ้น เพราะใกล้ที่จะครบเทอมของสภาชุดนี้ ในวันที่ 24 มีนาคมปีหน้า เพราะฉะนั้นพอหลังเอเปคก็ยิ่งใกล้ และหลังเอเปคไปอีกเดือนก็ยิ่งใกล้เข้าไปอีก ดังนั้นสถานการณ์ทางการเมืองก็จะยิ่งมีความเข้มข้นขึ้น ทุกพรรคการเมืองก็ต้องลงพื้นที่หาเสียงมากขึ้น แล้วก็การโยกย้ายพรรคของทุกพรรคการเมืองก็จะมีมากขึ้น อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เคยพูดไว้แล้วตั้งแต่ต้น เป็นเรื่องปกติ ทุกยุคทุกสมัย มันก็เป็นอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บริหารของพรรค ได้มีการพูดคุยหาวิธีการหยุดเลือดไหลออกบ้างหรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ คุยกันตลอด ผู้บริหารพรรคก็คุยกันตลอด และเราก็ทำงานไปด้วยกันด้วยดี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งในส่วนของหัวหน้า เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ผู้แทนของพรรค และสมาชิกพรรค เพราะฉะนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร และเราทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมาย ไม่สะเปะสะปะ ทุกอย่างกำหนดไว้หมดแล้วว่า พื้นที่ใดเป็นพื้นที่เป้าหมายพิเศษ พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ที่เราก็ต้องไปดำเนินการ 1-2-3-4-5 เพราะเที่ยวหน้าการเลือกตั้งเปลี่ยนไป จากบัตรใบเดียวที่ต้องเอาคะแนนพรรคกับคนมามัดรวมกัน แล้วคนลงคะแนนได้คะแนนเดียว เปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบ ใบนึงเลือกคน ใบนึงเลือกพรรค เพราะฉะนั้นคนก็เลือกพรรคเลือกคนแยกจากกัน ยุทธศาสตร์การหาเสียงก็คงจะต้องมีความแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด และพรรคก็เข้าใจ แล้วเราก็เคยลงสมัครแบบบัตรสองใบมาแล้ว เพราะฉะนั้นก็พอจะทราบว่าจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง ผู้สมัครเองก็ทราบ ถ้าเป็นผู้สมัคร ส.ส. เขต ก็ต้องหาเสียงให้ตัวเองและพรรคควบคู่กันไป ผู้บริหารพรรคก็หาเสียงให้กับทั้งพรรค และผู้สมัคร เหมือนกับที่ตนลงพื้นที่ ตนก็ต้องหาเสียงให้กับทั้งสองส่วน
“เราจึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งเที่ยวหน้า เราก็ต้องได้มากกว่าเดิม เพราะเรารู้ว่าพื้นที่เป้าหมายเราอยู่ที่ไหน อย่างไร โอกาสจะอยู่ตรงไหนอย่างไร เพราะเราอยู่กับพื้นที่ เราทำงานบนโลกความเป็นจริง ไม่ได้เพ้อฝัน ประชาธิปัตย์ก็ต้องเดินหน้าในฐานะของความเป็นประชาธิปัตย์ เราเป็นพรรคการเมืองที่เรามีอุดมการณ์ มีทิศทาง มีเป้าหมายในการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม จะให้เราไปคิดเหมือนทุกพรรคมันก็ไม่ได้ แล้วจะไปให้ทุกพรรคมาคิดเหมือนเราก็ไม่ได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
สำหรับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองไหนนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สุดท้ายแล้วท่านจะเป็นสมาชิกพรรคไหนหรือไม่ หรือว่าจะไปให้พรรคการเมืองไหนได้รับการเสนอชื่อ ท่านก็ต้องเป็นคนคิด เพราะว่าถ้าไปให้พรรคการเมืองที่ได้ต่ำกว่า 25 เสียง เสนอชื่อ เลือกตั้งเสร็จท่านก็คงหมดโอกาสที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าแข่งขันในที่ประชุมรัฐสภา
“ก็เป็นเรื่องที่ท่านต้องคิด ท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ท่านควรตัดสินใจเองได้ ว่าจะทำอะไรอย่างไร ประชาธิปัตย์ก็เดินหน้าในฐานะพรรคการเมืองหนึ่งของเรา ด้วยความมั่นใจไม่วอกแวก” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
สำหรับข่าวที่จะมีการก่อกวนการประชุมเอเปคนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะค้านหรือไม่ค้านนั้น ตนไม่ไปแทรกแซง ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดที่เป็นสิทธิเสรีภาพของตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ตนไม่อยากเห็นก็คือการใช้ความรุนแรงในการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม เพราะว่าไม่อยากเห็นประเทศย้อนยุคกลับไปเหมือนกับที่เราเคยเกิดบาดแผลขึ้นมาในอดีต เพราะตนไม่คิดว่า คนไทยทั่วไปส่วนใหญ่คงไม่อยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นความเห็นต่างนั้นเห็นได้ แต่ว่าการกระทำที่จะนำไปสู่ความเสียหายให้บ้านเมืองให้กับประเทศนั้นก็ไม่ควรทำ




