แม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด แรงงานผิดกฎหมายฯในพื้นที่ภาคเหนือ ภายหลังกองกำลังผาเมืองมีผลการสกัดกั้นยาเสพติด ยึดยาบ้า 35 ล้านเม็ด มากกว่าปี64 จำนวน 22 ล้านเม็ด
วันที่ 8 มี.ค.65 พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง โดยมี พล.ต. นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ,พ.อ. วีระชัย ผองแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 ให้การต้อนรับพร้อมรายงานสถานการณ์ ปัญหาข้อขัดข้องและแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่รับผิดชอบ
พล.ต. นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบจากประเทศเมียนมา ยังคงเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนต่อการผลิต การลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ โดยเฉพาะการนำเข้าสารเคมีมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มขบวนการผลิตยาเสพติด ที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตหลักในพื้นที่ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบดังกล่าว
ปัจจุบันกองกำลังผาเมืองได้กำหนดพื้นที่เพ่งเล็งที่ปรากฏ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการ ในพื้นที่ชายแดน ด้านจังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดเชียงราย และ จังหวัดพะเยา
และได้รับกำลังป้องกันชายแดนเพิ่มเติม ในส่วนของแผนงาน ยาเสพติดจำนวน 225 นาย เพื่อทำหน้าที่ในการสกัดกั้นยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้ตั้งแต่ เดือน ตุลาคม 65 ถึงปัจจุบัน มีผลการปฏิบัติ จำนวน 166 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 195 คน กลุ่มขบวนการฯ เสียชีวิต จำนวน 8 ศพ ยึดยาบ้า จำนวน 35 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 11 กิโลกรัม และไอซ์ จำนวน 102 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบสถิติการจับกุมในห้วงเวลาเดียวกันกับปีงบประมาณ 64 พบว่ามีผลการจับกุมยาบ้า เพิ่มขึ้นกว่า 22 ล้านเม็ด
ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่ผ่านมา พบว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศเมียนมา รวมถึงความต้องการแรงงานภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในภาคเกษตรกรรมตามแนวชายแดน และผู้ประกอบการในพื้นที่ตอนในของไทย ส่งผลให้มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา พยายามลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอแม่สาย, อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยตั้งแต่เดือน ตุลาคม 64 ถึงปัจจุบัน มีผลการปฏิบัติ จำนวน 131 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองฯ จำนวน 1,489 คน และ ผู้นำพา จำนวน 64 คน เมื่อเปรียบเทียบสถิติการจับกุมในห้วงเวลาเดียวกันกับ ปีงบประมาณ ๒64 สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้เพิ่มมากขึ้น เกือบ 1,300 คน ติดตามคดีที่มีผู้นำพา จำนวน 56 คดี โดยคดีถึงที่สุดแล้ว จำนวน 22 คดี และอยู่ระหว่างการดำเนินคดี 34 คดี ซึ่งในห้วงที่ผ่านมาหน่วยได้รับการสนับสนุนยุทโธปกรณ์พิเศษ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับกำลังพล ในการปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน และการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบ