แอบแปรรูปไม้ส่งเสียงดังรบกวน ชาวบ้านร้องเจ้าหน้าที่อ้างต่อเติมบ้าน
***ตั้ง 5 ข้อหาหนัก แอบตั้งโรงงานแปรรูปไม้ขาย เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ อ้างนำไม้มาต่อเติมบ้าน
***ป่าไม้ร่วมกับฝ่ายปกครอง และตำรวจ เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 41 หมู่ 4 ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ หลังได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านแอบตั้งโรงงานแปรรูปไม้ภายในบ้าน เพื่อนำไปขายส่งต่อไปในพื้นที่จังหวัดแพร่ จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นพบผู้ต้องหา 2 ราย อ้างซื้อไม้จากชาวบ้านมาเพื่อจะต่อเติมบ้าน แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ เจ้าหน้าที่ตั้ง 5 ข้อหาหนัก
***เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 กันยายน 2564 นายสักรินทร์ ปัญญาใจ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ ร่วมกับ นายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.สจป.ที่ 3 สาขาแพร่, นายพิษณุพันธ์ วงศ์ขันธ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.ที่ 3 สาขาแพร่ และนายนันทพงษ์ คำปิน เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ), โดยสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.323 กก.ตชด.32 (พะเยา), เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.8 ห้วยขมิ้น, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ และฝ่ายปกครองจังหวัดแพร่ สนธิกำลังเข้าตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านนำไม้ผิดกฎหมายเข้ามาแปรรูปภายในบ้านเพื่อนำไปขายส่งต่อในพื้นที่จังหวัดแพร่
***ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิดเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ ภายในบริเวณบ้านด้านข้าง พบมีแท่นเลื่อยพร้อมใช้งานตั้งอยู่ 1 แท่น มีไม้สักท่อน จำนวน 33 ท่อน และไม้สักแปรรูปจำนวน 17 แผ่น อยู่ใกล้ๆ แท่นเลื่อย นอกจากนี้ยังพบเลื่อยโซ่ยนต์จำนวน 2 เครื่อง สอบถามนายเหลี่ยม เตปัง อายุ 64 ปี ซึ่งอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ยอมรับว่าตั้งโรงงานแปรรูปไม้ภายในบ้านจริง แต่ไม่ได้ขอใบอนุญาตแต่อย่างใด โดยมีนายบุญเรือง เกตสี อายุ 63 ปี อยู่ในที่เกิดเหตุและรับว่าเป็นเจ้าของอุปกรณ์แท่นเลื่อยดังกล่าว โดยอ้างว่านำไม้มาแปรรูปเพื่อจะต่อเติมบ้านของนายเหลี่ยม ตรวจสอบไม้ที่กองอยู่ทั้งหมดไม่พบรูปรอยดวงตราประทับแต่อย่างใด
***สอบถามนายเหลี่ยมฯ เล่าว่า ไม้สักทั้งหมดเป็นของตนเองซึ่งไปซื้อมาจากชาวบ้านที่หมู่บ้านปากห้วย และไม่มีหลักฐานการซื้อขายแต่อย่างใด โดยซื้อมาในราคา ท่อนละ 2,000 บาท จำนวน 2-3 ท่อน ก่อนนำมาแปรรูป เพื่อนำไม้ไปต่อเติมบ้านของตนเอง
***ในเบื้องต้นจึงได้ประสาน พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตุ้ยบุญมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งมอบให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ พร 8 ห้วยขมิ้นดูแล ก่อนทำการบันทึกการตรวจยึดและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยตั้งข้อหา ร่วมกันแปรรูปไม้ และตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีไม้สักหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต