ผู้ว่าฯ แพร่ สั่งชี้แจงด่วน เหตุเด็กนักเรียนหยุดกักตัวแต่โดนขู่ย้ายโรงเรียน ด้านศึกษาธิการยันเด็กไม่ผิด
ศึกษาธิการจังหวัดแพร่ยืนยัน เด็กหยุดเรียนเพื่อกักตัวไม่มีความผิด ไม่มีเหตุต้องย้ายโรงเรียน แม้จะมีแผนควบรวมโรงเรียนแต่ไม่เกี่ยวกับเหตุนี้แน่นอน เบื้องต้นให้ต้นสังกัดดำเนินการสอบสวน ด้านผู้ว่าฯ แพร่ สั่งชี้แจงข้อเท็จจริงด่วน
***สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ร.ร.บ้านแช่ฟ้า ว่าถูกสั่ง ให้ย้าย ร.ร. หลังจากหยุดเรียนไป14วันเพื่อกักตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และกลับมาเรียนได้เพียง2วัน มีคุณครูอ้างเป็นรอง ผอ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา แพร่เขต2 เข้ามาสอบถามถึงสาเหตุพร้อมบอกจะให้ย้ายไปเรียนที่อื่นและจะเรียกผู้ปกครองมาพบ
***จากนั้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง ร.ร.บ้านแช่ฟ้า ต.แม่ป้าก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็น ร.ร.ขยายโอกาส มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 1 ถึง มัธยมศึกษา ปีที่3 ใน ร.ร.มีนักเรียนทั้งหมด 39 คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 มีนักเรียน ทั้งหมด 7 คน ทันที่ที่เข้าไปพบ กลุ่มเด็กนักเรียนทั้งหมดเล่าว่า วันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนผ่านจอทีวีอยู่ ก็มี คุณครูเข้ามาในห้องอ้างว่าเป็นรอง ผอ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา แพร่เขต2 สั่งให้ปิดทีวีที่กำลังเรียนอยู่
***1 ในนักเรียนคนหนึ่งเล่าด้วยน้ำตาว่า ตอนเช้านั้นพวกตนนั้นเรียนอยู่ รอง ผอ.ก็เข้ามา แล้วบอกให้ปิดทีวี เข้ามาถามว่าทำไม ม. 1 ถึงหยุดเรียนซึ่งเรานั้นหยุดจริง 14 วัน พึ่งกลับมาเรียนได้ 2 วัน ตนและเพื่อนๆ ก็ได้ให้เหตุผลไปว่าเนื่องจากกลัวโควิด 19 และผู้ปกครองก็ให้หยุด เนื่องจากเพื่อนของตนที่เล่นด้วยกันนั้นขึ้นรถไปเรียนคันเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 ผู้ปกครองก็กลัวไม่ให้ตนออกจากบ้าน โดยรอง ผอ.ที่มานั้นบอกว่าจะให้ย้ายโรงเรียน โดยมี 2 โรงเรียนให้เป็นตัวเลือก ซึ่งก่อนที่พวกตนจะหยุดเรียนได้แจ้งให้ทางครูประจำชั้นทราบแล้ว ผู้ปกครองทราบ ตนนั้นกักตัวในบ้านอยู่ลำพัง โดยแม่เป็นคนส่งข้าวส่งน้ำให้จนครบ 14 วัน ซึ่งระหว่างนั้นก็คุยกับครูตลอดทางไลน์ และส่งงานให้ครูผ่านไลน์ตลอด นอกจากนี้ยังมีครูในโรงเรียนที่ไปในพื้นที่ที่ผู้ติดเชื้อไป ก็ยิ่งทำให้กลัวเพราะครอบครัวมีคนป่วยและเด็กเล็กอยู่ไม่อยากให้คนในบ้านเดือดร้อนจึงต้องหยุดเรียนและกักตัวในห้องนอนไม่ออกไปไหน
***จากนั้น นายสันติชัย บัวทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 หลังทราบเรื่องได้ให้ นายพรชัย จันทะสาร รอง ผอ.เขตฯ ชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยได้รับการชี้แจงเป็นหนังสือและรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ว่า “ชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่มีการออกสื่อออนไลน์ เรื่องรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ได้พูดกับนักเรียนโรงเรียนแข่ฟ้าในลักษณะข่มขู่นักเรียน กรณีไม่มาเรียนหนังสือ นั้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 ได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น โดยสอบถามนายพรชัย จันทะสาร รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 ซึ่งได้ให้ข้อเท็จจริงว่าในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ได้รับการหารือเกี่ยวกับการขาดเรียนของนักเรียนโรงเรียนบ้านแช่ฟ้า นายพรชัย จันทะสาร ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลการจัดการเรียนการสอนของรงเรียนในอำเภอวังขึ้น จึงได้ เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านแช่ฟ้า ในวันที่ 3 สิงหาคม 2564 พบว่าสาเหตุที่นักเรียนบางส่วนหยุดเรียนเนื่องจากกลัวโรคโควิด-19 นายพรชัย จันทะสาร จึงได้ให้ความรู้ในเรื่องการป้องกันโรคโควิด 19 ประมาณ 20 นาที และเนื่องจากโรงเรียนบ้านแช่ฟ้ามีนักเรียนเพียง 39 คน ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กไม่มีผู้บริหาร โรงเรียน หากนำนักเรียนระดับมัธยมไปเรียนรวมกับโรงเรียนไกล้เคียงจะเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ต้องสอบถามความเห็นจากผู้ปกครองก่อนว่าต้องการอย่างไร ด้วยมีเจตนาที่ต้องการให้นักเรียนได้รับความรู้ตามหลักสูตรและอยากให้มีการจัดการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ ตามนโยบายของ สพฐ. จึงได้สอบถามนักเรียนไปเช่นนั้น ซึ่งมิได้มีเจตนาที่จะข่มขู่นักเรียนแต่อย่างใด รายละอียดดังบันทึกข้อความที่แนบมาพร้อมนี้ ทั้งนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 จะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากพยานบุคคล
ในโรงเรียนบ้านแช่ฟ้าต่อไป
(นายสันติชัย บัวทอง)
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2″
***ทางด้านนายอดุล เทพกอม ศึกษาธิการจังหวัดแพร่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีโรงเรียนบ้านแช่ฟ้า อยู่ในสังกัด สำนักงานการศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 เป็นโรงเรียนขยายโอกาส ช่วงอนุบาลถึง ม.3 เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนทั้งหมด 39 คน เนื่องจากตามเกณฑ์แล้วนั้นโรงเรียนนี้มีนักเรียนไม่ถึง 40 คนจึงไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ตั้งครูรักษาการแทน ซึ่งมีแผนในการควบรวมโรงเรียนในพื้นที่คือ โรงเรียนบ้านแม่ป้าก แต่ตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินการ สำหรับการเรียนการสอนที่มีปัญหาในช่วงโควิด โดยได้มีมาตรการที่แต่ละโรงเรียนสามารถเรียนที่โรงเรียนได้ ตามมาตรการของสาธารณสุข สำหรับโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่คือ ต้องสลับกันมาเรียน หรือเรียนออนไลน์ โรงเรียนบ้านแช่ฟ้าเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่มาก ทางโรงเรียนจึงมีความประสงค์ที่จะเปิดเรียนตามปกติ ให้มาเรียนที่โรงเรียน สำหรับเรื่องที่เป็นประเด็นนั้นทราบว่าเด็กกลุ่มนี้ใกล้ชิดกับบุคคลที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด ผู้ปกครองจึงไม่ให้เด็กมาเรียน แต่ให้เรียนที่บ้าน โดยเมื่อวานทางเขตพื้นที่การศึกษาเขต 2 เป็นหน่วยงานต้นสังกัด ได้เดินทางไปตรวจราชการ โดยรอง ผอ. เขต และได้รับรายงานว่ามีเด็กกลุ่มหนึ่งไม่ได้มาเรียน จึงได้เข้าไปคุยกับเด็ก และได้มีคลิปเสียงออกมา ความจริงโรงเรียนนี้มีแผนควบรวมจริง แต่ด้วยการใช้คำพูด เหมือนไปกดดันเด็ก ซึ่งตอนนี้ได้ให้ทางผู้อำนวยการฯ เขต 2 ได้ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง และให้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และรายงานมายังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เพื่อที่จะรายงานไปยังส่วนกระทรวงต่อไปการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการเขต รายละเอียดให้อยู่ในหน้าที่ของท่าน ส่วนจะมีความผิดหรือไม่เป็นอำนาจหน้าที่ของ ผอ. และทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า เหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อการเรียนการสอน จะต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองใหม่อีกครั้ง ยืนยันว่าเด็กหยุดเรียนไม่มีความผิดแน่นอน ส่วนการย้ายหรือควบรวมนั้นเป็นเรื่องของอนาคตซึ่งก็จะเป็นไปตามขั้นตอน