อบจ.เชียงใหม่หารือผู้ว่าฯขานรับนโยบายทำทันที ใช้เงิน 260 ล้านบาทจองวัคซีนโมเดอน่า 2 แสนโดส
เพื่อฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเปราะบาง 5 กลุ่มตามเงื่อนไขของสภากาชาดไทย ประสานประธานสภาฯเปิดประชุมเพื่อขออนุมัติจากสภาฯใช้เงินทุนสำรองสะสม ยันแผนการจัดสรรวัคซีนให้ผวจ.เชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่สภากาชาดไทย ได้สั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โมเดอร์นาจำนวนหนึ่ง จากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย ผ่านองค์การเภสัชกรรม
เพื่อนำมาฉีดบริการให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ โดยไม่คิดมูลค่า ตามพันธกิจของสภากาชาดไทย และสภากาชาดไทยจะได้จัดสรรโควตาวัคชีนจำนวนหนึ่งให้แก่ “องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)” เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าต้องดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า และแผนการฉีดวัคซีนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด และเงื่อนไขอื่นๆที่กำหนดนั้น
“ผมได้เข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนที่ศูนย์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานอบจ.เชียงใหม่แล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ก็เห็นชอบตามข้อเสนอ ในเบื้องต้นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งความประสงค์เบื้องต้นไปแล้วว่าจะซื้อวัคซีนจำนวน 200,000 โดสๆ ละ 1,300 บาท รวมเป็นเงิน 260 ล้านบาท เพื่อนำไปฉีดบริการให้กับประชาชนตามเงื่อนไขที่สภากาชาดไทยกำหนด “นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า
ขณะนี้ได้ประสานประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ให้เรียกประชุมสภาในวันที่ 19 ก.ค.64เวลา 14.00 น.เพื่อขอมติจากสภาฯในการใช้เงินทุนสำรองสะสมของอบจ.เชียงใหม่ในการจัดซื้อวัคซีน เพราะหลังจากแจ้งความจำนงไปแล้ว อบจ.เชียงใหม่จะต้องโอนเงินให้กับทางสภากาชาดไทยภายในวันที่ 21 ก.ค.64 ตามที่สภากาชาดไทยกำหนด
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว ทางอบจ.เชียงใหม่เป็นผู้ใช้งบประมาณของอบจ.มาดำเนินการ ส่วนการจัดสรรวัคซีนนั้นก็ต้องเป็นไปตามที่สภากาชาดไทยกำหนดเงื่อนไขคือกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 5 กลุ่ม ตามลำดับ ได้แก่ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีตั้งครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นอันดับแรก รองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน,บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร,*ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครู อาจารย์ผู้ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน,บุคลากรที่ต้องออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน และบุคคลที่ยังไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือกฎหมาย
นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากจำนวนวัคซีนที่สั่งซื้อ 2 แสนโดสนั้นอาจจะไม่ครอบคลุมกับจำนวน 5 กลุ่มที่มีอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้อบจ.เชียงใหม่ได้เสนอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการบริหารวัคซีนเป็นผู้พิจารณาจัดสรร เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าอบจ.จะนำวัคซีนดังกล่าวมาฉีดให้กับเครือญาติหรือพวกพ้อง จึงให้จังหวัดเป็นผู้บริหารแผนการขอรับการจัดสรรวัคซีนไม่เกี่ยวกับทางอบจ.เชียงใหม่ แต่ขอยืนยันว่าอบจ.เชียงใหม่ขานรับแนวทางที่สภากาชาดไทยเสนอมาทันทีเพราะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตและมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนทุกๆ คน.